เยือน "พม่า" ย่ำย่างกุ้ง ดินแดนแห่งเจดีย์
เจดีย์คาบาเอ ภายในประดิษฐานองค์พระพุทธรูปเงิน พระอัฐิธาตุของพระโมคคัลลาน์และพระสารีบุตร
ภาพของนางเอกสาวแสนสวย (จอย : ศิริลักษณ์ ผ่องโชค) แต่งกายแบบสาวพม่า เดินกางร่มทอดน่องอยู่ ณ มหาเจดีย์ชเวดากองที่เหลืองอร่ามงดงามคู่บ้านคู่เมืองพม่า ในละครดังเรื่องรักเดียวของเจนจิรา มันช่างเป็นภาพที่ฉันจำได้ติดตาและติดใจ ถึงกับขนาดวาดฝันเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งอยากจะไปเยือนประเทศพม่าแห่งนี้ให้จนได้ เพราะว่าอยากจะไปเดินกางร่มรอบเจดีย์ทองชเวดากองแห่งนี้บ้าง
และแล้วก็เหมือนดั่งฟ้าประทานพร เมื่อฉันได้มีโอกาสไปเยือนดินแดนเจดีย์ทอง แห่งประเทศพม่าตามความใฝ่ฝันที่เป็นจริงขึ้นมาจงได้
การเดินทางมายังประเทศพม่าในครั้งนี้ ฉันเหินฟ้ามากับเจ้านกเหล็กยักษ์ของสายการบินภูเก็ตแอร์ ด้วยเพราะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงยังสนามบินเมงกะลาโดง เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย เดินออกมานอกสนามบิน ก็มีรถรอรับฉันทันที และก็มีหนุ่มพม่าหน้ามน แต่งกายนุ่งโสร่งเต็มยศแบบหม่องพม่า เอ่ยปากทักทายว่า "มิงกะละบา" (สวัสดี) พร้อมกับแนะนำตัวเองด้วยภาษาไทยแปร่งๆ สำเนียงพม่า ว่าตัวเขาชื่อว่า "อากวง" จะมาเป็นไกด์พาฉันเที่ยวพม่าในทริปนี้
พระพุทธรูปหินอ่อน ขนาดใหญ่ที่สุดในพม่าที่ วัดเจ้าดอจี
แล้วอากวงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรมากไปกว่านี้ จัดแจงยกกระเป๋าฉันใส่ขึ้นรถ และก็เริ่มพาออกทริปทัวร์เมืองย่างกุ้งตามโปรแกรมที่วางไว้ทันที โดยมุ่งหน้าไปที่ "วัดเจ้าดอจี" หรือที่คนไทยเรียกว่า "วัดพระพุทธรูปหินอ่อน" เป็นที่แรก แถมยังรีบบอกธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับการเดินทางเข้าไปเที่ยวชมศาสนสถานทุกแห่งในประเทศพม่า ให้ฉันรับรู้ว่ามีกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด คือนักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องถอดรองเท้า ไม่เว้นแม้กระทั่งถุงเท้าและต้องเดินเท้าเปล่าเข้าไป ซึ่งชาวพม่าเองก็ปฏิบิติอย่างนี้เช่นเดียวกัน
ฉะนั้นพอรถมาถึงวัดฉันเลยต้องรีบจัดแจงถอดถุงเท้ารองเท้าไว้บนรถ แล้วเดินเท้าเปล่าลงจากรถ ได้เหยียบได้สัมผัสแผ่นดินย่างกุ้งถึงเนื้อถึงเท้าดี
อากวงพาฉันเดินขึ้นบันไดหลายสิบขั้น ขึ้นสู่ลานกว้างด้านบนของวัด และสิ่งที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้าของฉันก็คือ พระพุทธรูปหยกสีขาวขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่ในห้องกระจก มีชาวพม่าจำนวนมากพากันนั่งกราบไหว้ และนั่งทำสมาธิอยู่ตรงนั้น
"นี่คือพระพุทธรูปที่แกะสลักขึ้นด้วยหินอ่อนที่นำมาจากมัณฑะเลย์ ที่มีน้ำหนักถึง 60 ตัน สูง 37 ฟุต เป็นพระพุทธรูปหินอ่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า" อากวงบอกฉันให้รับรู้ถึงสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ฉันแหงนหน้ามององค์พระอีกครั้ง แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองช่างดูตัวเล็กกระจ้อยหร้อยเสียเหลือเกินเมื่อเทียบกับองค์พระท่าน พร้อมทั้งก้มลงกราบสักการะขอพรจากท่านเป็นการใหญ่ แล้วอากวงก็พาเดินชมรอบๆ วัดที่ยังมีพระพุทธบาทจำลองไว้ให้ได้ไหว้กันอีก หลังจากสักการะพระพุทธรูปหินอ่อนเรียบร้อยแล้ว อากวงก็รีบพาฉันตรงไปยังที่เที่ยวต่อไป
เทพทันใจ ที่ชาวพม่าและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เชื่อว่ามาขอพรแล้วสมหวังทันดังใจ
นั่งรถยังไม่ทันไรก็มาถึงยัง "เจดีย์คาบาเอ" เสียงอากวงแว่วดังอีกครั้ง "ลงมาได้แล้วครับที่นี่คือ เจดีย์คาบาเอ ชื่อคาบาเอ มีความหมายว่าสันติภาพโลก คนไทยเลยมักเรียกว่าเจดีย์โลกสงบสุข เจดีย์แห่งนี้มีลักษณะเป็นทรงกลม สูง 34 ม. สร้างโดยอูนุ นายกรัฐมนตรีคนแรกของพม่า ที่นี่เป็นศาสนสถานที่สำคัญของประเทศพม่า เพราะเคยเป็นที่ทำสังคายนาพระไตรปิฎกเมื่อครั้งที่ 6 เร็วๆ เดี๋ยวจะพาไปชมสิ่งที่น่าสนใจด้านในเจดีย์กัน"
ฉันออกเดินตามอากวงเข้าไปด้านในเจดีย์ แล้วก็พากันมาหยุดอยู่หน้าห้องๆ หนึ่งตรงใจกลางเจดีย์พอดี ครั้นพอมองเข้าไปด้านใน ก็เห็นเข้ากับความงดงามขององค์พระพุทธรูปเงินขนาดใหญ่ อากวงกระซิบอยู่ข้างๆ หูว่า "หนักถึง 500 กิโลกรัมเชียวนะ"แล้วชี้ชวนให้ฉันดูโถแก้ว 2 ใบ ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง "นั่นคือที่บรรจุพระอัฐิธาตุของพระโมคคัลลาน์และพระสารีบุตร"
พอได้รับฟังดังนั้นฉันก็รีบก้มลงกราบพระอัฐิธาตุ แล้วเกิดความรู้สึกอิ่มเอมบุญ สุขใจเอามากๆ ที่ได้มาที่นี่ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่หากครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสได้มากราบพระอัฐิธาตุของพระอัครสาวก ถือว่าเป็นบุญบารมี เสริมสร้างสิริมงคลให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงกับยิ้มแบบอิ่มเอมใจออกมาจนอากวงเห็นแล้วร้องทักว่า "อย่าๆ เพิ่งอิ่มบุญ อิ่มใจไป เพราะเดี่ยวเราจะพาไปอิ่มบุญกันต่อที่เจดีย์โบตะทาวน์ ไปไหว้พระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้ากัน"
ชั่วอึดใจเดียว ฉันก็มายืนอยู่ ณ เจดีย์โบตะทาวน์ และเบื้องหน้ามีทางเดินเป็นช่องเล็กๆ ที่เหลืองอร่ามไปด้วยทองวาวแววจับตา พอเดินถึงด้านในใจกลางองค์เจดีย์ ก็ได้เห็นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าที่บรรจุอยู่ในมณฑปครอบแก้วใสไว้อย่างใกล้ชิด เรียกว่าห่างกันแค่สุดปลายมือเอื้อมถึงเท่านั้น (แต่เอื้อมไม่ถึงหรอกเพราะมีกระจกกั้นอยู่อีกที) ฉันนะออกอาการขนลุกชันเลยขึ้นมาทันทีเลยเมื่อยกมือไหว้พระเกศาธาตุเสร็จ
พระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่ ณ ใจกลางเจดีย์โบตะทาวน์
พอออกมาจากไหว้พระเกศาธาตุ อากวงก็พาเดินเที่ยวรอบ ๆ บริเวณวัดต่อ มายังพระวิหารด้านข้างเพื่อมาไหว้พระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัยที่มีความงดงามยิ่ง และพามายังศาลาที่มีองค์เทพทันใจประดิษฐานอยู่ อากวงบอกว่า เทพองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์มาก เขาว่าขออะไรแล้วจะได้ทันใจสมชื่อท่านเลย งานนี้ฉันเลยรีบขอพรจากท่านไปหลายอย่าง ส่วนจะสมหวังทันใจหรือไม่นั้นคงต้องตามดูกัน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้อากวงส่งเสียงเรียกให้ฉันรีบออกจากที่นี่ เพราะว่าจะพาไปยังสถานที่ต่อไป
วัดเชาท์ทัตจี คือสถานที่ที่อากวงพามาถึง แล้วบอกกับฉันว่าจะพามาดูพระตาหวาน ฉันรีบถาม "มีด้วยเหรอ พระตาหวาน อย่ามาหลอกกันนะ"
แล้วอากวงก็ไม่ได้หลอกฉันจริงๆ เพราะภาพของพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์โต มีความยาวกว่า 70 เมตรปรากฏอยู่ด้านหน้าตรงที่ฉันยืน และเมื่อลองเดินไปพิจารณาพระพักตร์ของพระนอนองค์นี้ ก็ได้ประจักษ์ชัดกับตาว่าดวงพระเนตรของพระองค์มีความงามหวานหยาดเยิ้ม สมกับสมญานามที่ว่าจริงๆ และเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ก็ได้เห็นว่าตรงที่พระบาทมีลวยลายธรรมจักรสวยงามแปลกตาดี
วัดเชาท์ทัตจี สถานที่ประดิษฐาน องค์พระนอนตาหวาน ที่ชาวพม่านิยมมากราบไหว้ขอพร
ฉันใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นานนัก ก็ออกมาจากวัดเชาท์ทัตจี และเอ่ยถามอากวงว่า "เธอพาฉันไปเที่ยวเจดีย์มาก็ตั้งหลายแห่งแล้ว เมื่อไหร่จะพาฉันไปไหว้เจดีย์ชเวดากองเสียทีล่ะ ใจฉันนะอยากจะไปชมความงามของเจดีย์ใจจะขาดแล้ว"
อากวงรีบสวนทันควัน "แหม!! ของดีไฮไลท์แบบนี้ อดใจรอกันหน่อย เพราะ เดี๋ยวเราจะพาไปเที่ยวที่เจดีย์ชเวกาดองต่อจากนี้กัน"
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับการมาเที่ยวที่ประเทศ "พม่า"
นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวที่ "พม่า" (Myanmar) ต้องยื่นขอทำวีซ่าเข้าประเทศพม่าก่อน เวลา-ของพม่าจะช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที การจราจร-ของพม่ารถจะวิ่งเลนขวาแบบฝรั่งเศส ฉะนั้นเวลาคิดจะข้ามถนนที่พม่าต้องมองซ้ายมองขวาให้ดี สกุลเงิน-พม่าใช้ระบบเงินตราแบบธนบัตรพม่า ที่เรียกว่าจั๊ตหรือจ๊าต อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 20 จั๊ต เท่ากับ 1 บาทไทย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมาเยือนประเทศพม่า ทางสายการบินภูเก็ตแอร์ มีบริการจัดแพ็คเกจทัวร์มาเที่ยวพม่า สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ ฝ่ายขายสายการบินภูเก็ตแอร์ โทร. 0-2679-8999 ต่อ 509,510, 507, 503, 351 หรือเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.phuketairlines.com/myanmar
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์" โดย คุณหมวยเกี๊ยะ
|