เที่ยวบ้านท่าน “เปาบุ้นจิ้น” ยอดคนคุณธรรม ที่ศาลไคฟง
ภาพยนต์เรื่องเปาบุ้นจิ้น
ทุกวันประมาณ 9 โมงเช้า ท่านเปาฯตัวปลอมจะทำการเปิดศาลไคฟงให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมภายใน
...นับแต่บรรพกาลนานมา...
ประเทศจีน แดนดินถิ่นอารยธรรมเก่าแก่หลายพันปี(ตอนหลังหลักฐานทางโบราณคดีว่าอาจจะมีอายุเกินหมื่นปี) ได้ก่อกำเนิดยอดคน ทั้งวีรบุรุษและวีรสตรีขึ้นมากมาย
เรื่องราวของยอดคนหลายท่านนอกจากจะกลายเป็นตำนานแล้ว สถานที่ซึ่งเกี่ยวพันกับยอดคนเหล่านั้นก็ได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองจีนเช่นกัน
อำเภอไคเฟิง หรือไคฟง(Kaifeng) แห่งเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน นับเป็นหนึ่งในนั้น เพราะเมืองนี้ในอดีตนอกจากจะเคยเป็นเมืองหลวงแล้ว ยังมี “ศาลไคฟง” ที่เป็นถิ่นพำนักอาศัยของ “เปาบุ้นจิ้น” ยอดคนคุณธรรมแดนมังกร ซึ่งเคยใช้ศาลไคฟงตัดสินคดีความจนมีชื่อเสียงโด่งดังกระฉ่อนโลก
ท่านเปาฯตัวปลอมเสียงปลอม แต่ว่าก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
เปาบุ้นจิ้น หรือชื่อจริงในภาษาจีนว่า “เปาเจิง” เป็นชาวเมืองเหอเฝย(ปัจจุบันเหอเฝยเป็นจังหวัดหนึ่งในมณฑลอันฮุย) มีชีวิตอยู่ในรัชสมัยของเจินจงฮ่องเต้และเหรินจงฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ (ค.ศ.960-1127) เคยรับราชการเป็นนายอำเภอ เป็นเจ้าเมือง เป็นผู้ตรวจราชการแผ่นดิน และดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็นรองประธานเมืองจีน
ช่วงที่มีชีวิตอยู่ ท่านเปาฯนับเป็นยอดขุนนางตงฉินที่ฉลาดปราดเปรื่อง ซื่อสัตย์สุจริต และเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลขุนนางกังฉินและเชื้อพระวงศ์ จนคนจีนยุคนั้นยกย่องว่า “ยมราชเปาบุ้นจิ้น สินบนซื้อไม่ได้”
ส่วนที่คนทั่วไปเห็นกันจนชินตาว่าท่านเปาฯมีหน้าดำและที่หน้าผากมีรูปพระจันทร์เสี้ยวนั้น เป็นเพราะว่าคนจีนยกย่องให้ท่านเปาฯมีลักษณะเหนือคนธรรมดา แต่ว่าไกด์ที่เมืองจีนเคยบอกกับผมว่า จริงๆแล้วเปาบุ้นจิ้นนั้นมีผิวขาวและติดจะรูปหล่อเสียด้วยซ้ำ แต่ว่าด้วยความที่ท่านเปาฯเป็นยอดคนเหนือคน เพราะฉะนั้นในตำนานจึงสร้างให้มีลักษณะพิเศษแตกต่างกว่าคนทั่วไป เรื่องนี้จริง-เท็จยังไงใครที่สนใจคงต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเอาเอง
แต่ที่เป็นเรื่องจริงอย่างหนึ่งก็คือ เมืองไคฟง เคยเป็นเมืองหลวงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ(ค.ศ.960-1127) ซึ่งรุ่งเรืองสุดๆ ว่ากันว่ายุคนั้นเป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลกทีเดียว แต่ด้วยความที่เมืองนี้ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำหวงเหอ จึงถูกน้ำท่วมใหญ่บ่อยครั้ง ทำให้อาคารบ้านเรือนและความเจริญต่างๆถูกนั้นพัดพังพินาศอยู่เสมอ
บ้านใจบริสุทธิ์ ซึ่งเชื่อกันว่านี่คือบ้านของเปาบุ้นจิ้น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไคฟงถูกลดฐานะมาเป็นอำเภอหนึ่งของเมืองเจิ้งโจว(เมืองหลวงของมณฑลเหอหนานในปัจจุบัน) โดยสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ยังคงไว้ด้วยรูปลักษณ์แบบโบราณ ทั้งอาคารบ้านเรือน ถนนหนทาง รวมถึงการวางผังเมือง(เมืองไคฟงใหม่มีขนาดเล็กกว่าไคฟงเก่า 1 เท่า) และศาลไคฟงที่เป็นดังไฮไลท์การท่องเที่ยวของเมืองเจิ้งโจวในปัจจุบันนั้นก็คือการสร้างใหม่ในรูปแบบเดิมทั้งหมด นอกจากนี้ก็ยังมีการจำลองเรื่องราวของท่านเปาฯมาจัดแสดงไว้ที่ศาลไคฟงด้วย
เรียกว่าเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ยังคงไว้ด้วยเรื่องราวอันน่าสนใจมากมายเกี่ยวกับเปาบุ้นจิ้นและศาลไคฟง ซึ่งหากใครอยากไปเที่ยวชมให้ได้อรรถรสก็ต้องไปให้ทัน 9 โมง ที่เปาบุ้นจิ้นแห่งยุคโลกาภิวัตน์หรือท่านเปาฯตัวปลอม เสียงปลอม จะทำการ(แสดง)เปิดศาลไคฟงและออกมารับเรื่องราวร้องทุกข์
โดยในแต่ละวันจะมีการเปิดศาลรอบนี้รอบเดียว หากใครพลาดถึงไปเช่าวีซีดีมาดูก็ไม่ได้อรรถรสเท่าดูของจริง เพราะฉะนั้นในช่วงเปิดศาลจึงมีนักท่องเที่ยวมารอชมกันอย่างเนืองแน่นทุกวัน งานนี้เรียกได้ว่าบารมีของท่านเปาฯนั้นมีมากมายจริงๆ
แม้ว่าศาลไคฟงจะสร้างขึ้นใหม่แต่ว่าก็ยังคงไว้ด้วยบรรยากาศแบบจีนโบราณ
ครั้นพอท่านเปาฯเปิดศาลและเดินกลับเข้าศาลเพื่อตัดสินคดีความ นักท่องเที่ยวก็สามารถเดินตามท่านเปาฯเข้าไปเที่ยวในศาลไคฟงได้ ซึ่งใครที่มีเวลาผมว่าน่าจะดูโชว์การตัดสินคดีความให้จบแล้วค่อยเดินเที่ยวตามจุดต่างๆในศาลไคฟง
โดยการแสดงจะเป็นเรื่องราวการตัดสินคดีความที่ไม่ธรรมดา เพราะว่างานนี้ท่านเปาฯเล่นตัดสินประหารชีวิตน้องชายฮ่องเต้เพราะว่า ไปสังหารน้องชายชาวนาคนหนึ่งเข้า ซึ่งเครื่องมือประหารของท่านเปาฯนั้นมี 3 แบบ แต่หนึ่งความตาย นั่นก็คือ ดาบหัวมังกรสำหรับเชื้อพระวงศ์ ดาบหัวเสือใช้ประหารขุนนางและข้าราชการ ส่วนดาบหัวสุนัขเอาไว้ประหารคนทั่วไป
หลังเสร็จสิ้นการแสดง ใครอยากไปถ่ายรูปกับท่านเปาฯ(ตัวปลอม) อยากขอลายเซ็น อยากจับมือก็สามารถทำกันได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าไปดึงเคราท่านเปาฯก็แล้วกัน เพราะนั่นเป็นเคราปลอม หากเคราหลุดออกมาแล้วเสียฟอร์มแย่เลย
ห้องตัดสินคดีความของท่านเปาฯมีเครื่องประหาร 3 แบบจัดแสดงไว้ที่หน้าห้อง
เมื่อรับรู้เรื่องราวเสี้ยวหนึ่งของท่านเปาฯผ่านการแสดงแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาเดินสำรวจสิ่งน่าสนใจในศาลไคฟงกันบ้าง
หากเดินพ้นประตูใหญ่เข้ามาก็จะเป็นภายในบริเวณศาลไคฟง ที่สร้างด้วยอาคารแบบจีนล้อมรอบลานโล่ง มีก้อนหินใหญ่เขียนสดุดีคุณงามความดีของเปาบุ้นจิ้นไว้ตรงกลาง
และที่ถือเป็นเป้าสายตาก็คือบัลลังก์ตัดสินคดีความของท่านเปาฯ ที่มีดาบประหาร 3 เล่มตั้งแสดงอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านขวามือเป็นกลองหนังใบใหญ่เอาไว้ในตีร้องทุกข์ แต่ที่ไม่ได้เป็นเป้าสายตาทางขวามือ แต่ว่าคนจีนกับไปยืนออกันแน่นก็คือ ก้อนหินจารึกชื่อบรรดาเจ้าเมืองไคฟงนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งตรงชื่อของท่านเปาฯนั้นมีคนมาจิ้มกันมากจนเป็นรอยบุ๋มลงไปทีเดียว
รูปปั้นท่านเปาฯที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ สูง 3.8 เมตร หนัก 5.6 ตัน
เรื่องจิ้มหินนี่ผมไม่ค่อยสันทัด ถนัดก็แต่กินจิ้มจุ่ม แต่ว่าในเรื่องนี้คนจีนเขามีความเชื่อกันว่าหากเป็นคนดีมาจิ้มหินที่ชื่อท่านเปาฯ จะทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุข แต่หากเป็นคนไม่ดีมาจิ้มที่ชื่อท่านเปาฯนิ้วก็จะดำทันที แต่เท่าที่ข้าพเจ้าไปจิ้มมาและสังเกตคนอื่นๆจิ้มก็ไม่เห็นมีใครนิ้วดำสักคน จะมีบ้างก็พวกเล็บดำเพราะนิ้วมีขี้เล็บ ส่วนอาตี๋พันธุ์มังกรบางคนตอนจิ้มหินนั้นปรากฏว่ากลับมีอาการหูดำแทน เนื่องจากว่ามาแอบเหล่สาวไทยที่ร่วมทริปไปด้วย
ศาลไคฟงไม่ได้มีของดีแค่นี้ เพราะหากเดินเข้าไปด้านในก็จะพบกับบรรยากาศอาคารแบบจีนโบราณ มีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งในหอกระจกเป็นเรื่องราวการร้องทุกข์ท่านเปาฯที่งานนี้บรรดาลูกน้องมือดีมากันหมดทั้ง จั่นเจา หวังเฉา หม่าฮั่น
นอกจากนี้ยังมีประตูหลังของศาลไคฟง ที่เป็นประตูลับของเปาบุ้นจิ้นสร้างไว้ให้คนยากจนเข้ามาร้องทุกข์ (สมัยนั้นหากจะเข้าถึงท่านเปาต้องเข้าทางประตูใหญ่ที่มีหลายชั้น แต่ละชั้นต้องเสียค่าผ่านประตู ทำให้คนยากคนจนไม่มีโอกาสเข้าถึงเปาบุ้นจิ้น ประตูนี้จึงเปิดไว้สำหรับคนยากจนโดยเฉพาะ)
สำหรับสิ่งที่โดดเด่นเป็นดังพระเอกในบริเวณด้านหลังที่ทำการก็เห็นจะหนีไม่พ้น “ชิงซินโหลว” หรือ “บ้านใจบริสุทธิ์” (แหม ชื่อเท่ซะไม่มี)เป็นหอสูง 4 ชั้น ที่ว่ากันว่าบ้านใหญ่หลังนี้ คือบ้านของเปาบุ้นจิ้น
ครั้นพอเดินเข้าไปข้างใน(ชั้น 1 )ก็จะเจอกับรูปปั้นท่านเปาฯตั้งตระหง่านอยู่ รูปปั้นนี้หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ สูง 3.8 เมตร หนัก 5.6 ตัน ซึ่งก็นับว่าเป็นรูปปั้นที่สมเกียรติกับยอดคนผู้เปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมอย่างแท้จริง
เมื่อเดินเข้าโน่นออกนี่ในศาลไคฟงและรับรู้เรื่องราวคุณงามความดี และความยุติธรรมของท่านเปาฯ ผมก็อดนึกบรรดา ส.ส. และเหล่ารัฐมนตรีทั้งหลายในบ้านเราไม่ได้ เพราะหากพวกเขาเหล่านั้นตงฉินได้เพียง 1 ใน 10 ของท่านเปาฯ ชาติบ้านเมืองเราก็จะพัฒนาไปมากกว่านี้อีกหลายเท่านัก...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เจดีย์เหล็กแห่งเมืองไคฟง สร้างในสมัยราชวงศ์ซ่ง เมื่อ ค.ศ. 1049
ศาลไคฟง เปิดให้ชมทุกวัน 9.00-18.00 น.(เวลาจีนเร็วกว่าไทย 1 ชม.) เสียค่าเข้าชม 35 หยวน(1 หยวน ประมาณ 5 บาท)
นอกจากศาลไคฟงแล้ว เมืองไคฟงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ อนุสรณ์สถานเปาบุ้นจิ้น สวนชิงหมิง ศาลามังกร ทะเลสาบเสี้ยวพระจันทร์ เจดีย์เหล็ก
สำหรับการเที่ยวเมืองไคฟงสามารถติดต่อได้ที่บริษัททัวร์ทั่วไป หรือหากจะไปเที่ยวเองเมืองไทยมีสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส บินตรงจากกรุงเทพฯสู่เจิ้งโจว แล้วเดินทางต่อจากเจิ้งโจวสู่ไคฟงซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 70 กม. หรือจะใช้ทางด่วนจากสนามบินเจิ้งโจวสู่ไคฟงจะใช้เวลาประมาณ 50 นาที
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์" โดย คุณเหล็งฮู้ชง
|