หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

จี้รัฐขจัดพระอาบัติบวชใหม่


เสฐียรพงษ์ วรรณปก

โพสต์ทูเดย์ — สนช.เสนอรัฐบาลออกกฎหมายจัดการพระทำความผิดต้องอาบัติปาราชิก แล้วกลับมาบวชใหม่ทำผิดซ้ำ

นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลกำหนดมาตรการป้องกันพระสงฆ์ที่ทำความผิดจนถึงขั้นอาบัติปาราชิก หรือสึกจากความเป็นพระ ไม่ให้กลับมาบวชใหม่ รวมทั้งหาทางจัดการกับผู้ที่แอบแฝงใช้ผ้าเหลืองหาผลประโยชน์ เช่น ปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ออกเรี่ยไร หรือเป็นพระสงฆ์แต่หาประโยชน์ผ่านพิธีกรรมต่างๆ โดยอยากให้กำหนดบทลงโทษในทางอาญาด้วย

นายเสฐียรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรปรับปรุงกฎหมายให้มีบทบัญญัติชัดเจน รวมทั้งทำฐานข้อมูลพระสงฆ์ให้มีความเชื่อมโยงทั่วประเทศ เนื่องจากขณะนี้ไม่มีกฎหมายเอาผิดได้ ทำให้เมื่อตำรวจจับพระปลอมสึกแล้วต้องปล่อยตัวไป แล้วก็จะกลับมามีพฤติกรรมแบบเดิมอีก โดยที่ผ่านมาพบว่า บางหมู่บ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปลอมเป็นพระเข้ามาเรี่ยไรใน กทม.ทั้งหมู่บ้าน เพียง 2-3 เดือน ก็สามารถสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก

นายเสฐียรพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการศาสนา จริยธรรม ศิลปะ และวัฒนธรรม สนช. ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการ (อนุ กมธ.) ศึกษาโครงสร้างการบริหารงาน และความรับผิดชอบของกรมการศาสนา (ศน.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) รวมถึงแนวทางในการยุบรวม 2 หน่วยงานเข้าด้วยกันเพื่อจัดตั้งเป็นทบวงศาสนา เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า ทั้ง 2 หน่วยงานมีงานที่ซ้ำซ้อนกันมาก จนส่งผลให้การดำเนินงานมีความขัดแย้ง ไม่สามารถดูแลงานด้านศาสนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ อนุ กมธ. มี 18 คน อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นายตวง อันทะไชย นางเตือนใจ ดีเทศน์ สนช. รวมทั้งอธิบดี ศน. ผู้อำนวยการ พศ. และผู้แทนมหาเถรสมาคม โดยจะเริ่มประชุมครั้งแรกในวันที่ 12 ต.ค. แต่อาจจะเสนอเรื่องไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ แต่อย่างน้อยจะมีข้อมูลชัดเจนให้รัฐบาลหน้ามาดำเนินการต่อไป

ด้านนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล พศ. กล่าวว่า พระสงฆ์ที่ต้องอาบัติ ปาราชิกแล้ว มักย้ายที่อยู่อาศัยเพื่อไปบวชใหม่ในจังหวัดอื่น ทำให้พระอุปัชาย์ที่อยู่นอกพื้นที่ไม่ทราบว่าเคยปาราชิกมาแล้ว ดังนั้น ในอนาคตจำเป็นต้องมีฐานข้อมูล พระสงฆ์ที่เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลสำนักทะเบียนราษฎร์

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน พศ.มีมาตรการแก้ปัญหานี้แล้ว โดยในการอุปสมบทกำหนดให้ผู้อุปสมบทจะต้องส่งใบสมัคร ใบรับรองแพทย์ และประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพระอุปัชาย์จะต้องส่งหลักฐานดังกล่าวไปให้ พศ. ทั้งในส่วนกลาง และจังหวัด ก่อนที่จะอุปสมบท 15 วัน เพื่อทำการตรวจสอบก่อนบวช



ไปข้างบน