|
ใช้ธรรมะนำทาง “วีเจย์” หวังหวนมือ 1 โลก
“วีเจย์ ซิงห์”
หากไทเกอร์ วูดส์ เป็นนักกอล์ฟระดับโลกที่ผูกพันกับประเทศไทยทางสายเลือดที่มีอยู่ครึ่งหนึ่ง วีเจย์ ซิงห์ ก็ถือเป็นโปรชั้นแนวหน้าที่อาจจะเรียกได้ว่าผูกพันกับแผ่นดินสยามในทางปฏิบัติ เมื่อโปรชื่อดังจากเกาะฟิจิเดินทางมาเหยียบดินแดนขวานทองบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับอาหารไทยที่เจ้าตัวชื่นชอบมากเป็นพิเศษ จนถึงกับสั่งเมนูอาหารไทยไปต้อนรับเหล่าแชมป์เดอะมาสเตอร์ส
ในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่สนามออกัสตา ในปี 2001
“วีเจย์ ซิงห์”
การเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ให้กับสิงห์ คอร์ปอเรชั่น เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ วีเจย์ มีโอกาสกลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งเพื่อร่วมกิจกรรม “Singha Light the Vijay Singh Challenge 2007” และถึงแม้จะอยู่ในสภาพอิดโรย จากการใช้เวลาเดินทางมาราธอนกว่า 14 ชั่วโมง บินตรงจากนิวยอร์ก
มายังสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ทันทีที่โปรวัย 44 ปี เห็น 13 นักกอล์ฟรุ่นจิ๋วจากสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทย ภาคตะวันออก มารอต้อนรับ เจ้าตัวก็เดินมาแจกลายเซ็นโดยมีรอยยิ้มเป็นของแถม
ตลอดทริปแม้จะมีบอดี้การ์ดรายล้อมทำให้เข้าถึงตัวได้ยาก แต่ช่วงเวลาที่วีเจย์ ซิงห์ ดูเป็นกันเองและมีความสุขมากที่สุด คือการได้แนะนำเทคนิคและประสบการณ์เกี่ยวกับการตีกอล์ฟของตัวเอง กว่า 1 ชั่วโมงที่เปิด “กอล์ฟ คลินิก” แก่นักกอล์ฟเยาวชน ที่สนาม ไดรฟ์กอล์ฟ ธนาซิตี้ บางนา รวมทั้งการออกรอบร่วมกับกว่า 80 ก้านเหล็ก
ที่สนามสันติบุรี สมุย จะได้เห็นรอยยิ้มและฟันขาวๆ ของชายหนุ่มผู้นี้แทบตลอดเวลา ซึ่งเรื่องนี้ ผุสดี เพ็งบุญ หรือ “พี่ผุส” สาวผู้โชคดีที่ได้เป็นแคดดี้ให้กับวีเจย์ สามารถยืนยันเรื่องดังกล่าวโดย ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวกีฬาหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันว่า
พอรู้ว่าจะได้เป็นแคดดี้ให้กับ วีเจย์ ซิงห์ ตื่นเต้นมากถึงขนาดมือไม้สั่นเลย เพราะไม่เคยเป็นแคดดี้ให้กับนักกอล์ฟระดับโลกมาก่อน แต่พอได้ร่วมงานกันแล้ว เขาเป็นคนน่ารัก คุยสนุก อย่างตอนขับรถอยู่เขาก็จะแซวว่าไม่ต้องเลี้ยว ขับตรงๆ พุ่งลงข้างทางไปเลย หรือตอนเราเห็นเขาตีมานานก็เลยถามว่าเหนื่อยไหม เขาก็ตอบเป็นภาษาไทยกลับมาว่า “ไม่เป็นไร”
นอกเหนือจากการร่วมกิจกรรมนักกอล์ฟ ไทยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ วีเจย์ ขอทางสิงห์เป็นกรณีพิเศษสำหรับโปรแกรมเยือนไทยในครั้งนี้ คือการไปกราบ นมัสการ “หลวงพ่อสิงห์” เจ้าอาวาสวัดไผ่เหลือง จังหวัดนนทบุรี พระอาจารย์ผู้เคยแนะนำเทคนิคการ ทำสมาธิจนเจ้าตัวสามารถก้าวขึ้นไปเป็นหมายเลข 1 ของโลกมาแล้ว
หลังจากการพบกันครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2002 ผลงานของ ซิงห์ ดีขึ้นทันตาเมื่อฤดูกาลถัดมาเจ้าตัวได้แชมป์มา 4 รายการ ก่อนที่จะขึ้นสู่จุดสูงสุดในตำแหน่งนักกอล์ฟมือ 1 ของโลก จากผลงานคว้าแชมป์เป็นว่าเล่นถึง 9 รายการในพีจีเอทัวร์ เมื่อปี 2004
แต่นับจากนั้น แม้จะมีการติดต่อเป็นระยะ แต่ซิงห์ไม่ได้เดินทางมาที่วัดอีกเลย พร้อมกับผลงานที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมาอยู่ในอันดับที่ 13 ของโลกในปัจจุบัน ซึ่ง “หลวงพ่อสิงห์” ให้สัมภาษณ์ ถึงประเด็นนี้ว่า
“คนเราเวลาขึ้นไปถึงมือ 1 ชื่อเสียงก็ตามมา งานก็มีมากขึ้นทำให้อาจไม่มีเวลากลับมาที่วัด หรือเขาอาจจะอยากลองวัดความสามารถของตัวเองดู แต่สุดท้ายเขาบอกว่า ตัวเองจิตใจว้าวุ่นจึงอยากกลับมาที่วัดอีกครั้ง”
เวลา 5 ปีที่ผ่านไป หลวงพ่อบอกว่า ซิงห์ เปลี่ยนแปลงไปทำให้ต้องมีการให้คำแนะนำที่ต่างออกไปจากเดิมบ้าง พร้อมทั้งอธิบายหลักการทำสมาธิให้ฟังว่า “ตอนนี้อาจจะสอนได้ง่ายขึ้นเพราะมีพื้นฐานเดิมอยู่ เขาเข้าใจแล้วว่าหากทำตามคำแนะนำก็จะประสบความสำเร็จ ไม่มีความสงสัยแล้ว แต่วิธีการสอนมีต่างไปบ้าง เพราะตอนนี้เขามีปัญหา ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาเราไม่เข้าไปยุ่ง แต่อาตมาสอนว่าเวลาเล่นต้องตัดปัญหาออกไป จิตต้องนิ่ง ใส่ฉันทะหรือความชอบลงไปในการเล่นตลอดเวลา เมื่อมีฉันทะจิตไม่หวั่นไหว โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีมาก ต่างกับบุคคลที่เล่นด้วยจิตใจว้าวุ่น วิตกกังวลกับเรื่องอื่น แน่นอนว่าจิตใจมันไม่อยู่ในเกม ทำให้ไม่ได้คิดแก้ไขในสิ่งที่ผิด มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ”
“การทำสมาธิไม่จำเป็นต้องหลับตา แค่ทำอะไรอยู่คิดถึงแต่เรื่องนั้นสมาธิก็สามารถเกิดได้ โดยเฉพาะการกำหนดลมหายใจ พอจะคิดเรื่องอื่นให้หายใจลึกๆ จิตจะมาอยู่ที่ลมหายใจทันที ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงสติให้กลับคืนมา และเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดสมาธิ”
นอกจากการทำสมาธิและกำหนดลมหายใจแล้ว หลวงพ่อยังเผยว่ามีการดูดวงตรวจสอบดวงชะตาให้ด้วย ซึ่งท่านให้เหตุผลว่า “ดวงชะตาเขายังดีอยู่ แต่ไม่ใช่แบบเดาสุ่ม มีหลักการในการดู และเป็นการเสริมสร้างกำลังใจมากกว่า ส่วนเครื่องรางของขลังยืนยันว่าไม่มี ถ้าเครื่องรางช่วยได้นักกอล์ฟทุกคนเอาไปใส่ก็ชนะกันหมด ทุกอย่างอยู่ที่ความสามารถของตัวเอง จิตที่มุ่งมั่นมีสมาธิ นี่แหละคือความขลังยิ่งกว่าเครื่องรางเสียอีก”
หลวงพ่อสิงห์ ยังบอกกับทีมข่าวกีฬาหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันว่า การเดินทางมากราบนมัสการในครั้งนี้ วีเจย์ หวังจะมีโอกาสกลับขึ้นไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง แต่จะทำได้เหมือนเมื่อ 3 ปีก่อนหรือไม่ หลวงพ่อแสดงทัศนะว่า “มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ตอนนั้นวีเจย์ ซิงห์ ยังไม่ประสบความสำเร็จมีเงินมีทอง ถึงอย่างไรก็ต้องทำให้ได้ แต่ตอนนี้เงินทองมีเยอะแล้วอาจไม่ได้ใส่ฉันทะลงไปมาก อย่างไรก็ตาม เขาบอกเองว่า อยากจะขึ้นไปให้ถึงจุดนั้นอีกครั้ง ซึ่งก็อยู่ที่ตัวเขาว่าปฏิบัติตามที่อาตมาสอนหรือเปล่า”
ด้วยวัย 44 ปี บนถนนสายพีจีเอโอกาสในการกลับขึ้นไปเป็นมือ 1 โลก ของ วีเจย์ ซิงห์ เหลือไม่มากแล้ว ซึ่งบางทีการแข่งขันเอเชียนทัวร์ที่เจ้าตัวเหลืออยู่อีก 2 รายการในปีนี้อย่าง บาร์เคลย์ส สิงคโปร์ โอเพ่น ที่แดนลอดช่อง และเอชเอสบีซี แชมเปี้ยนส์ ณ แผ่นดินมังกร อาจเป็นตัวชี้วัดได้กลายๆ ว่า โปรจากฟิจิรายนี้ จะมีโอกาสกลับมาทวงบัลลังก์คืนจากไทเกอร์ วูดส์ ได้หรือไม่
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการออนไลน์”
| 
