เทศนาธรรมจาก “พระสันฺตจิตฺโต”
“พระสนธิ สันตจิตโต”
“เชิญญาติโยมที่นั่งรอบๆ ถ้ารับประทานอาหารเสร็จแล้วเข้ามานั่งบนเสื่อกัน อากาศเย็นสบาย ญาติโยมที่เป็นผู้ชายก็นั่งขัดสมาธิได้ไม่มีปัญหาอะไร ที่เป็นผู้หญิงถ้ากล้านั่งขัดสมาธิก็นั่งได้เช่นกัน เพราะว่าบวชพระป่านั้น พระป่าจะไม่เน้นพิธีกรรม แต่จะเน้นที่จิตภาวนา วัดป่าบ้านตาด เป็นวัดกรรมฐาน จะไม่มีระเบียบพิธีมาก แต่จะยึดถือพระธรรมวินัยอย่างสูง ทำวัตรเช้า-วัดเย็น ท่านพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัวท่านจะให้ทำกันเองที่กุฏิ แล้วท่านจะให้เน้นภาวนา ท่านจะเน้นให้เดินจงกรมภาวนาตลอดเวลา แม้กระทั่งลงปาติโมกข์ วัดทั่วๆ ไปจะลงปาติโมกข์วันพระใหญ่ บ่ายโมงตรง แต่ที่วัดป่าบ้านตาดจะลงปาติโมกข์เวลาตีสี่ครึ่ง ตีสี่ครึ่งเสร็จก็ไปเดินบิณฑบาต ญาติโยมหลายท่านไม่เคยไปเยี่ยมอาตมาก็ไม่รู้ว่าวัตรปฏิบัติของอาตมานั้นเป็นอย่างไร ก็ต้องเล่าให้ฟังสักนิดหนึ่ง ตื่นตีสี่ ตีสี่ครึ่ง ก็นั่งภาวนาเดี๋ยวนี้ภาวนาได้นาน สมัยก่อนนั่งอยู่ 3 นาทีลุก เดี๋ยวนี้วันแรกก็ 45 นาที เดี๋ยวนี้เริ่มเป็นชั่วโมงแล้ว เดินจงกรมนั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ก็ให้เดินจงกรม เดินตอนแรก ก็ไม่มีใครสอน บอกให้เท้าขวาพุท เท้าซ้ายโธ หลายสถาบันหลายโรงเรียนก็บอกว่า ให้ยกเท้าขวาให้ระลึกพุทธก้าวลง ยกเท้าซ้ายให้ระลึกโธ พ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่า ค่อยๆ เดินไป ก่อนเดินนั้นยกมือจรดเหนือเศียร รำลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณครูบาอาจารย์ คุณพ่อแม่ แล้วเอามือซ้ายวางอยู่ใต้สะดือ เอามือขวาวางทับมือซ้ายแล้วเดินไปเรื่อยๆ พ่อแม่ครูอาจารย์สอนให้ทะเลาะกับจิต จิตนั้นเหมือนกับเด็กที่ซน เหมือนลูกเรา เวลาเรามีลูก ลูกขอโน้นเราก็ให้ลูกขอนี่เราก็ให้ ลูกจะไปเที่ยวเราก็ให้ นั่นคือจิตเรา จิตเรานี่ซนมานานแล้ว ฉะนั้นแล้วพอจะเรียกจิตกลับมาหาตัวเองมันก็เรียกยาก บางทีเดินๆ อยู่พุทโธอยู่ได้สัก 40 ก้าว จิตอยู่ที่เท้าพุท เท้าขวาพุท อยู่ที่เท้าซ้ายโธ พอก้าวที่ 50 จิตมันทำไมลอยมาอยู่ที่ ASTV ได้ก็ไม่รู้ ก้าวที่ 59 จิตลอยไปอยู่ลอนดอน อีกก้าวนึงมันหายไปไหนก็ไม่รู้ ก็ปรึกษาพ่อแม่ครูอาจารย์ พ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่า ทะเลาะกับมันซิ แต่ทะเลาะในใจนะอย่าไปเอ่ยเสียงเดี๋ยวเขาหาว่าบ้า แล้วท่านก็บอกว่า ถ้ามัน พุทโธช้ามันไม่สำเร็จก็ลองเปลี่ยนวิธีการ อาตมาก็เลยเริ่มทะเลาะกับจิต พอพุทปั๊บ โธปั๊บมันไป ก็ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ แล้วเท้าก็เปลี่ยนเป็นวิ่ง ก็จะเห็นว่าในวัดป่าบ้านตาดมีพระหลายรูปที่วิ่ง แสดงว่าตอนนั้นจิตเริ่มหาย วิ่งและท่องเพื่อให้จิตกลับมาอีกทีหนึ่ง พอรู้ตัวว่าจิตกลับมาแล้วก็ค่อยช้าๆ อีกทีหนึ่ง ทีนี้วิธีทะเลาะกับจิตก็แล้วแต่อุบายแต่ละคนจะทะเลาะอย่างไร ของอาตมาก็ ขอโทษนะ ด่าแม่มันเลย บอก ไอ้เวรตะไลกูปล่อยให้มึงริยำตำบอนมาทั้งชีวิต ไปเที่ยวดูสิ่งซึ่งน่าหลงใหลอะไรมาตั้งนาน กูขอแค่ 30 วันมึงไม่ให้รึไงวะ แค่ 30 วัน คือทะเลาะกับมันแบบนี้ ทะเลาะกับมันมันก็เริ่มได้ผล มันก็เริ่มกลับมา ทีนี้ความมหัศจรรย์ของการเดินจงกรมนั้น เป็นความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่มาก อาตมามหัศจรรย์มาก วันที่ 2 อาตมารวมจิตได้จากการเดินจงกรม พอรวมได้แล้วมันเหมือนเท้าลอยในอากาศ ธรรมดาแล้วเดินจากหัวเส้นทางเดินจงกรมไปถึงท้ายจะหมุนตัวกลับ พอเท้าลอยไม่สนใจละ เดินบุกเข้าไปในป่าเลย ชนต้นไม้ เหยียบต้นหญ้าพังทลายไปหมดเลย พอมารู้สึกตัวอีกทีเอาตายละ พ่อแม่ครูอาจารย์ที่อยู่วัดป่าบ้าตาดบอกว่า นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดา พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัวท่าน บางทีท่านยังเดินชนเสาเลย แต่ว่าจิตมันมีความสุขมาก มันไม่ได้คิดอะไรเลย แล้วมันเหมือนเหาะได้ มันเหมือนเหาะได้ เหมือนเหาะได้จริงๆ แต่มันสงบ มันสงบ ไปบวชที่วัดป่าบ้านตาดนั้นเป็นเรื่องที่ ธรรมะจัดระเบียบให้อาตมาจริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ญาติโยมหลายคน เมื่อคืนนี้ใครดู ASTV รายการยามเฝ้าแผ่นดินบ้าง ก็จะเห็น นั่นแหละคือความจริง คนที่ไม่ได้ดูจะเล่าให้ฟัง ก็ตัดข้ามขั้นตอนไปตรงที่ไม่ได้บวชที่วัดชนะสงคราม จู่ๆ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านก็ให้ท่านอาจารย์ราม ซึ่งเป็นพระพ่อบ้านอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด โทรมาบอกท่านอาจารย์นพดลแล้วบอกโยมซึ่งเป็นลูกศิษย์สายตรงของท่าน หลวงตามหาบัว คือ โยมอภิชาติ บอก คุณสนธิหลวงตาบอกให้มาบวชวัดป่า ทันทีเลย เราก็ตกใจ เราก็บอกได้หรอ วัดชนะฯ ไม่ให้บวช บอกไม่เป็นไร บอก พ่อแม่ครูอาจารย์พิจารณาแล้ว คุณสนธิไม่ได้ผิดพระธรรมวินัย ระเบียบวัดมันจะใหญ่กว่าพระธรรมวินัยได้อย่างไร เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามคนต้องคดีหมิ่นประมาทบวช แล้วคดีก็ไม่ได้เป็นถึงที่สิ้นสุด ท่านบอกไม่ผิดพระธรรมวินัย ท่านถามคำเดียวว่า มีหนี้หรือเปล่า บอกหนี้นะมีแต่เป็นหนี้ธุรกิจ ท่านบอกไม่เป็นไร ท่านบอกมาบวชได้ ก็พลิกเอาวินาทีสุดท้ายเหลืออีก 3 วันจะต้องบวช ตายแล้วจะทำอย่างไร เราท่องบวชแบบมหานิกาย เราต้องเปลี่ยนเป็นธรรมยุตแล้วซิ เพราะธรรมยุตมันต้องเริ่มด้วย "เอสาหัง อันเต" ตายเลยทีนี้ ต้องท่องใหม่หมด ก็เลยขอเลื่อนพ่อแม่ครูอาจารย์เป็นวันที่ 8 แทนวันที่ 7 เพราะไม่งั้นแล้วไม่ทัน ท่านก็ดีมาก ท่านก็ให้บวช ปรากฏว่าเรานึกว่าบวชที่วัดกกสะทอน อยู่ข้างวัดป่าบ้านตาด ไปถึงบอกว่าไม่ได้ ต้องบวชที่วัดโพธิสมภรณ์ เราก็งง เพราะวัดโพธิสมภรณ์นั้น ในประวัติศาสตร์ ที่เป็นฆราวาสไปบวชชั่วคราวมีอยู่ 2 คนเอง คนหนึ่งคือคุณเฉลิมพล เจ้าของจิตรโภชนา เขาเรียกคุณหลวง อีกคนหนึ่งคุณอภิชาติ ฟุ้งลัดดา สองคนเท่านั้นเอง นอกนั้นไม่มีอีกแล้ว”
วัดโพธิสมภรณ์ เป็นวัดหลวง อายุประมาณ 100 กว่าปีแล้ว เกือบ 200 ปี เราก็ไม่รู้ พอเข้าไปวัดทำพิธี องค์หลวงปู่ใหญ่ พระอุดมญาณโมลี ท่านอายุ 95 แล้ว 96 หลายคนตั้งฉายาท่านว่าหลวงปู่แหวนน้อย เพราะท่านเหมือนหลวงปู่แหวนมาก ท่านเป็นองค์อุปัชฌาย์เราก็ตกใจอีก อ้าว ตายล่ะ มิไปขัดกับท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ วัดชนะฯ เหรอ เพราะท่านก็เป็นพระมหาเถระ บอกว่าไม่ขัดหรอก เพราะว่าสายนี้สายพระป่า พอบวชเสร็จก็ไม่ได้คิดอะไร ก็เข้าวัด ไปจำวัดที่วัดป่าบ้านตาดเลย หลายคนที่ไม่เคยไปเยี่ยมอาตมา ไม่เห็นรูป ก็ไม่รู้ ว่าทางวัดป่าบ้านตาดจัดเตรียมต้อนรับอาตมาเป็นอย่างดี เลือกกุฏิที่ดีมากให้ เป็นเพิงหมาแหงน สามด้านไม่มีผนัง ใช้จีวรเก่าๆ ขึง อยู่กับป่า มืดสนิท มืดมากๆ ถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ มีไก่ป่า มีกระรอก มีกระต่าย มีนกยูง มีงู ก็เข้าไป ก็เลยอยู่กับตัวเอง พออยู่กับตัวเองแล้วมีความรู้สึก ลองนั่งอยู่ที่มืดๆ ในป่า เสียงโทรศัพท์ก็ไม่มี โทรทัศน์ก็ไม่มี วิทยุก็ไม่มี หนังสือพิมพ์ นี่อาตมาไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์มาเกือบเดือนแล้ว เดือนหนึ่งแล้ว ไม่ได้เห็นอะไรทั้งสิ้น พอไม่เห็นปั๊บ มันอยู่กับตัวเอง มันก็เลยเริ่มนึก ได้ดูหนังเก่า เขาเรียกหนังรีรัน หนังชีวิต จะเอาช่วงชีวิตไหนล่ะ ชีวิตเด็กๆ ที่ไปเรียนอัสสัมชัญศรีราชา หรือว่าชีวิตช่วงที่เริ่มมีแฟนเป็นครั้งแรก หรือจะเอาชีวิตที่ไปเรียนต่างประเทศ หรือเอาชีวิตที่กลับมา หรือเอาชีวิตที่อยู่สนามหลวง อยู่ลานพระรูป มีให้ดูหมด เป็นหนังที่รีรันกลับมาอีกครั้งหนึ่ง พอรีรันแล้ว เราเป็นพระเอกนี่ ตอนเราเล่นอยู่เราดูไม่ออกใช่ไหม แต่พอหนังฉายซ้ำแล้วเราดูออก ญาติโยมจำได้ใช่ไหมว่า อาตมาเคยบอกว่า ชีวิตนี้พยายามหลีกเลี่ยงคำว่า “แหม ถ้ากูรู้อย่างนี้ กูจะไม่ทำ” ปรากฏว่าอาตมาดูหนังรีรัน พูดตลอดเวลา แหม ถ้ากูรู้อย่างนี้ๆๆ แสดงว่าในช่วงนั้น ตลอดจนก่อนบวช เป็นช่วงที่สติมันไปเที่ยว มันหนีไป มันไม่อยู่
ทำไมคนถึงกลัวที่จะอยู่กับตัวเอง บางคนบอกว่าไม่จริงนะหลวงพ่อ ผมก็อยู่กับตัวเองได้ ผมชอบอยู่เงียบๆ ผมชอบเวลาผู้ชายกับผู้หญิงจีบกัน ผู้ชายก็จะบอกว่า น้องพี่ต้องมีสเปซของพี่เองนะ อยู่เงียบๆ ความหมายก็คือว่า มีอะไรเป็นส่วนตัว ไม่มีใครมายุ่ง อยากอยู่คนเดียว โยมพวกนั้นตอแหลทั้งนั้น ไอ้นั่นไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ถ้าอยู่คนเดียวต้องไม่รับโทรศัพท์สิ ใช่ไหม ถ้าอยู่คนเดียวต้องไม่ดูทีวี ถ้าอยู่คนเดียวต้องไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ถ้าอยู่คนเดียวก็ต้องอยู่คนเดียว อยู่กับใจ ใจนี่สำคัญแค่ไหน สำคัญสิ มีใครขโมยใจเราได้บ้างไหม ตอบซิ ไม่มีหรอก แต่ของๆ เรานี่หายได้ใช่ไหม ถูกขโมยได้ใช่ไหม บ้านไฟไหม้ได้ใช่ไหม มีเงิน เงินก็หมดใช่ไหม มียศ ยศก็หมด มีเกียรติจอมปลอม เกียรติก็หมด แต่ใจ เอาไปได้ไหม เอาไปไม่ได้
หลวงพ่อชา ตอนที่ท่านศึกษาพระธรรมวินัย ท่านไปกราบองค์หลวงปู่มั่น ท่านพูดยังไงรู้ไหม ท่านบอกว่าเกล้าสับสนไปหมดแล้ว พระธรรมวินัย 227 ข้อ ยังมีพระไตรปิฎกเกี่ยวกับพระธรรมวินัยเยอะแยะไปหมด มันเกินที่มนุษย์จะรักษาได้ คำสอนพระพุทธเจ้า หลวงปู่มั่นท่านตอบมาคำเดียวสั้นๆ บอก รักษาใจไว้สิ ถ้ารักษาใจไว้ได้ ทุกอย่างมันมาลงที่ใจหมด จำได้ไหมที่หลวงพ่อเคยพูดมานานแล้ว และทำได้บ้าง ยังไม่มากนัก แต่สัญญาว่างวดนี้จะทำให้มากกว่าเก่า ก็คือว่า เสียอะไรเสียไป รักษาใจให้ดี ใครจะขโมยใจไปได้ เมื่อคืนนี้ได้ข่าวว่าเขาเอาการสนทนาธรรมของหลวงพ่อ ที่วัดป้อม จ.เพชรบุรี มาออก หลวงพ่อยกตัวอย่างเด็กรุ่นใหม่ หลานๆ นี่เคยอกหักไหม เคยอา เคยลุง กี่ปีมาแล้ว โอ๊ยตอนนั้นอยู่ปี 1 อกหัก โดนผู้ชายทิ้ง โดนผู้หญิงทิ้ง แล้ววันนี้หายหรือยัง โอ๊ยลืมมันไปตั้งนานแล้ว ต้องฝึกให้ได้ พอมีเรื่องปั๊บ นับ 1..2..3.. แล้วก็ดีดนิ้วผัวะ แล้วก็หายไป นั่นล่ะคือสิ่งซึ่งเขาเรียกว่าการรักษาใจ เอาแบบไม่ต้องให้มันเลอเลิศก็ได้ เอาแค่วันเดียวก็ได้ เริ่มจากวันเดียวก่อนให้หายโกรธ หายโมโห หายหลง หายโลภ หายโลภ หายโมโห หายหลง วันเดียวก็พอ ใครฝึกทำได้วันเดียวหายทุกอย่าง แล้วค่อยมาติดกิเลสใหม่ก็ยังถือว่าใช้ได้ แต่ดีที่สุดก็คือว่ามีอะไรเกิดขึ้น นับ 1-10 ช้าๆ แล้วก็หายไป จิตมันเป็นของเรา ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็เพราะว่าเราไม่รู้ว่าจิตเป็นของเรา แต่เราทะลึ่งไปตั้งข้อสมมติฐานว่ากายเป็นของเรา ทรัพย์เป็นของเรา เมียเป็นของเรา ผัวเป็นของเรา ลูกเป็นของเรา รถเบนซ์เป็นของเรา เงินล้านเป็นของเรา แต่จิตซึ่งเป็นของเราแท้ๆ ทะลึ่งไม่รู้ ฉะนั้นถ้าจิตเป็นของเรา เรารู้ว่าจิตเป็นของเรา มันเป็นสมบัติซึ่งมีค่าที่สุดในชีวิต ท่านถามว่าทำไมเราไม่รักษามันล่ะ เราดันไม่รักษาจิตของเรา แต่เราดันไปรักษาของที่ไม่ใช่ของเรา ร่างกายนี่มันคือดิน น้ำ ลม ไฟ ญาติโยม ดินมันคือเนื้อ กระดูก น้ำ - น้ำมูก น้ำลาย น้ำเลือด ลม - ลมหายใจ เส้นเอ็ด ไฟ - อารมณ์
พอวันที่เราตาย สิ่งแรกที่หายไปคือลม ใช่ไหม พอลมหายไป ไฟก็หาย ใช่ไหม น้ำก็ออกมาเป็นเลือด ท่วมปาก หรือเหือดแห้งไป ดิน ในที่สุดถ้าทิ้งไว้เฉยๆ มันก็ลงไปสู่อินทรีย์ทั้งหลายที่บนพื้นดิน ไม่มีเหลือ เหลือแต่อะไร เหลือแต่จิตลอยละล่องออกไป ทีนี้จิตนี่ถ้าได้รับการฝึก พอรู้ว่าตัวเองจะตายแล้วก็พุทโธ พุทโธ พุทโธ ไม่ต้องไปคิดอะไร ไม่ต้องไปคิดเงิน 28 ล้าน กูซ่อนเอาไว้ เดี๋ยวใครจะมาพบ ไม่ต้องไปคิดว่าพระพุทธรูปองค์งามที่รักมาก ลูกจะเอาไปขายหรือเปล่า ไม่ต้องไปคิดว่าเมียยังสาวอยู่ แล้วจะไปมีชู้ไหม ไม่ต้องไปคิด คิดถึงความสงบแล้วจิตมันจะขึ้นสู่ที่สูง แต่ถ้าคิดถึงความหวง ความห่วง ความโลภ ความหลง จิตมันจะลงไปข้างล่าง
คนไทยนี่ใกล้เกลือกินด่าง อาตมาภาพเรียนหนังสือมา ประวัติ ญาติโยมก็รู้ ถ้าถามว่าคนที่รู้จักฝรั่งในประเทศไทย ถ้ามี 100 คน อาตมาภาพต้องเป็น 1 ใน 100 นั้น แต่วันนี้อาตมาภาพรู้สึกเสียใจและเสียดายที่ไปเรียนเมืองนอก เพราะไม่ได้อะไรมาเลยแม้แต่นิดเดียว ได้แต่วิชาการ แต่ไม่ได้วิชาชีพ วิชาชีพคือการใช้ชีวิต วิชาการคือตำราที่เรียน เรานี่หลงใหลฝรั่งมากนะ พอฝรั่งพูด เราก็ Yes คือถ้าฝรั่งพูด สังคมไทยบอกถูก ถ้าคนไทยทำวิจัย รัฐบาลบอกเฉยๆ แต่ถ้าให้บริษัทวิจัยต่างชาติทำ บอกว่าฝรั่งถูก ต้องใช้ฝรั่ง ไม่เห็นเหรอโครงการใหญ่ๆ ต้องเริ่มด้วยฝรั่งวิจัยก่อน พอฝรั่งวิจัยแล้ว คำถาม คำว่าโปร่งใส ไม่มี คำว่าโปร่งใส จบ
Good Governance ธรรมาภิบาล พวกเรานี่ลุ่มหลง หลงใหลกันมานานแล้ว เมืองไทยนี่ถ้าไม่มี Good Governance เรารอดมาได้อย่างไรตั้ง 200 ปี ไม่เคยมีใครคิด คนไทยมีปัญญาเยอะนะ แต่อ่อนปัญญา คือใช้ไม่เป็นไง เข้าใจไหม คนไทยใช้ปัญญาไม่เป็น ไปดูดีๆ มันตลกนะ พอฝรั่งบอก Good Governance คนไทยก็นั่งพนมมือ แต่พระพุทธเจ้าสอนมรรคองค์ 8 คนไทยไม่รู้ จำไม่ได้ ไม่รู้จัก มรรคองค์ 8 มีมาตั้ง 2,500 กว่าปีแล้ว ไอ้นั่นคือต้นกำเนิดของ Good Governance สัมมาทิฐิ สัมมาอาชีวะ คนไทยทะลึ่งไม่รู้เรื่อง แต่พอฝรั่งมันบอก Good Governance แล้วออกมาตั้งสถาบันธรรมาภิบาลกัน อู๊ย บ้าบอคอแตกกันไปหมดเลย แล้วไปนับถือฝรั่งเป็นพระเจ้า ฝรั่งในทางกลับมันก็เริ่มนับถือดาไล ลามะ เป็นพระเจ้า คนไทยดันไปนับถือฝรั่งเป็นพระเจ้า ฐานที่มั่นคงยิ่งว่า ดาไล ลามะ หลวงพ่อชา หลวงปู่มั่น พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ธรรมท่านสูงกว่าดาไล ลามะ ไม่รู้กี่ร้อยเท่า ดันทะลึ่งไม่นับถือ นี่ถ้าดาไล ลามะมาสนทนาธรรมกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ดาไล ลามะ ต้องก้มลงกราบทันที ไม่มีที่ไหนในโลกนี้สุดยอดเท่าที่นี่อีกแล้ว ไม่มี พระสงฆ์ไทยไปด้วยอะไรรู้ไหม เมื่อ อาตมภาพพูดถึงพระสงฆ์ไทย อาตมาพูดถึงพระสงฆ์ที่เป็นพระจริงๆ ไปกับด้วยตัวและใจ ถูกไม่ถูก ไม่มีอะไร จีวรมีผ้า 3 ผืน องค์พ่อแม่ครูอาจารย์สอนอยู่ตลอดเวลา เรามีผ้าอยู่ 3 ผืน เรามีอังสะ จีวร สบง และบาตร จบเท่านั้นเอง อาตมาไปเร่ร่อนพเนจรอยู่ 3-4 ครั้ง ไปพัทยา ไปเพชรบุรี ไปสมุย อาตมาก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นะ มีแค่จีวร สบง อังสะ แล้วก็บาตร เท่านั้นเอง พอเราบอกว่า บอกลูกศิษย์บอกไปเก็บของ ลืมไปนึกว่ายังเป็นนายสนธิ เก็บของเรียบร้อยแล้วหลวงพ่อ เอ๊ะทำไมมันเร็วจังล่ะ ก็หลวงพ่อไม่มีอะไรมีแค่บาตร แล้วที่หลวงพ่อใส่ก็คือ ใส่จีวร มีแค่นั้นเอง สมัยก่อนไม่ได้นะ เก็บของ เอารองเท้าคู่นึงใส่ถุงพลาสติกใส่กระเป๋า พับเสื้อ เสื้อมีอยู่ 4 ตัว กางเกงใน ถุงเท้า เสร็จเรียบร้อยแล้วมองดู เดี๋ยวนี้อาตมาตื่นเช้าอาตมาแปรงฟัน ล้างหน้าเสร็จเอามือลูบหัว เพิ่งจะมาเห็นหน้าตัวเองเมื่อมาที่บ้านพระอาทิตย์ ในกระจก เพราะว่าไม่ได้ดูกระจกมาประมาณเกือบเดือนแล้ว เฮ้ย หน้าตาเราเป็นอย่างนี้หรอ นี่คือชีวิตที่แท้จริง
อาตมาไปวัดต่างๆ อาตมาคิดถึงวัดป่าบ้านตาดมาก คิดถึงจริงๆ นี่ใจไปถึงวัดป่าบ้านตาดแล้ว เพราะสงบ เรียบ ธรรมดา สะอาด เงียบ นั่งดูไก่ป่า ก็ดูได้ธรรมะนะ ได้ธรรมะเรื่องอะไรรู้ไหม เจ้าชู้ไก่แจ้ไง ไก่ไทยมันสุดยอดเลยนะ สุดยอดเลย มันเหมือนกับเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายไทยจริงๆ มันจะเดินแล้วมีตัวเมียเดินตาม 3 ตัว เป็นลูกไล่ เหมือนเมียน้อย เมียหลวง เมียหลวงเมียน้อยอะไรทำนองนี้ เสร็จแล้วไก่ตัวเมียมันจิกอาหารอยู่ตัวผู้อยากจะกินมันก็วิ่งเข้ามา ไก่ตัวเมียก็วิ่งเข้าไปหลบนี่ก็กินอาหารที่ตัวเมียหาได้ สักพักมันเดินแบบกร่าง นึกอออกไหม แล้วมันมีความรู้สึกมัน อหังการ มมังการมากหลังจากที่มันไล่ตัวเมียแล้วกินอาหารได้ มันกระพือปีกปึ๊บๆ แล้วมันก็บิน แล้วมันก็ขันเอ๊กอี๊เอ๊กเอ๊ก แสดงความยิ่งใหญ่ของมัน ถ้าจะดูอัตตาต้องดูไก่ ไก่นี่อัตตาสูงมาก
ปัญหาพวกเราและปัญหาชาติ ปัญหาชาติไทยอยู่ที่ไหนรู้ไหม บางคนบอกอยู่ที่รัฐธรรมนูญ บางคนบอกไม่ใช่ อยู่ที่นู้น อยู่ที่นี่ ปัญหาชาติไทยอยู่ที่ไหนโยมรู้ไหม อยู่ที่คน แล้วปัญหาคนอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจ ใจมันเน่าแล้วคนจะดีได้อย่างไร แล้วอยู่ที่อวิชชา พอคนมันไม่รู้อะไรถูก คนที่ไม่ชัดเจนในตัวเองดันทะลึ่งไปคบกับคนที่ชัดเจน คนชัดเจนก็เลยไม่ชัดเจน คนไม่ชัดเจนกลับไปบ้านเจอเมีย เมียก็ไม่ชัดเจน พอสัมผัสลูกลูกก็ไม่ชัดเจน มันก็เลยกลายเป็นไข้หวัดนก ไข้หวัดไม่ชัดเจน จุดยืนไม่มี ไม่มีอะไร ทุกอย่างเกิดขึ้นจาก 3 ตัว โลภะ โทสะ โมหะ โลภ โกรธ และหลง อาตมาเข้าไป พ่อแม่ครูอาจารย์ที่เป็นพี่เลี้ยงที่วัดป่าบ้านตาดจะพูดอยู่คำเดียว หลวงพ่อ หลวงพ่อศึกษาไตรลักษณ์ให้ลึกซึ้งหน่อย หลายท่านในที่นี้อาจจะไม่รู้ว่า ไตรลักษณ์ คืออะไร ไม่ต้องอาย ใครไม่รู้ยกมือ อาตมาจะอธิบายให้ฟัง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจัง คือ มันไม่มีอะไรเที่ยงแท้ในโลกนี้ มีอะไรเที่ยงแท้บ้าง เมื่อวันที่ วันนี้วันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 1 ปีที่ผ่านมา 30 พฤศจิกายน 2549 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา โยมทักษิณนี่ยังยิ่งใหญ่อยู่ในแผ่นดินไทย แล้ววันนี้อยู่ไหน มันอนิจจังหรือเปล่า อนิจจัง อนิจจังเพราะอะไร เพราะโยมทักษิณไปมีโมหะ โมหะ คือ ความหลง ไปหลงว่าตัวเองใหญ่ ไปหลงในยศตัวเอง ไปหลงในตำแหน่งตัวเอง ไปหลง 377 เสียง ของตัวเอง ไปหลง พอหลงแล้ว พอมันไม่มีอะไรเที่ยงแท้ อนิจจัง สิ่งที่เกิดขึ้นมาคือทุกขัง ใช่ไหม มันก็ทุกข์หมดเลยสิ มันไม่ทุกข์ได้อย่างไร แทนที่จะตื่นมาตอนเช้าที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ทำบุญตักบาตรกับพระสงฆ์องค์เจ้า ตอนเช้า ไปตีกอล์ฟตอนสายๆ วันหยุดขับรถไปกินข้าวกินปลาที่ต่างจังหวัด อยู่กับลูกเมีย ทุกขัง ลูกอยู่ทาง เมียอยู่ทาง ตัวเองต้องบินมาที่ฮ่องกง ไปเจอพวกไทยรักไทยเก่า แล้วมาแจกเงินที่โรงแรมเพนนินซูลา มันทุกขังไหม มันทุกขัง แล้วสิ่งที่ตัวเองทำ ในที่สุดแล้วมันอนัตตา มันไม่มีอะไร ไม่มีตัวตน มันว่างเปล่าไปหมด แล้ววันที่โยมทักษิณตาย มันอนัตตาไหม อนัตตา หรือว่าถ้าทหารเขาเกิดยึดอำนาจมาอีกที มันก็อนัตตา ใช่ไหม ก็อนัตตาทั้งนั้น
ปัญหาของสังคมไทยคือปัญหาที่คนไม่รู้จักคำว่าความสุข ที่ไม่รู้จักคำว่าความสุขเพราะว่าไม่รู้ใจตัวเอง พอไม่รู้ใจตัวเอง ใจก็คิดว่า การมีตึกสูงคือความสุข โลภะ โลภนี่คือทุนนิยม ทุนเป็นเรื่องที่ไม่น่ากลัว แต่อย่าให้ทุนเป็นเจ้านายเรา เงินเป็นเรื่องที่ไม่น่ากลัว เป็นเรื่องที่ดี ทุกคนอยากได้ แต่อย่าให้เงินเป็นเจ้านายเรา เราต้องเป็นเจ้านายเงิน เหมือนอาตมาภาพเคยพูดเสมอว่า โทรศัพท์มือถือนี่ เด็กสมัยใหม่ หรือพวกเรา ปล่อยให้เทคโนโลยีเป็นเจ้านายเรา เราไม่ทำตัวเป็นเจ้านายเทคโนโลยี เพราะฉะนั้นถ้าเราฝึกตรงนี้ได้ทีละนิดๆ สังคมมันก็ดี เรานี่หลงทางมาตลอดชีวิตเลยนะ ประเทศไทยหลงทางมาตลอดชีวิต ประเทศไทยนี่เดินผิดมาตลอด แล้วมันจะแก้ได้อย่างไร ญาติโยม ให้มีรัฐธรรมนูญอีก 150 รัฐธรรมนูญ ให้มีการยึดอำนาจอีก 150 ครั้ง ให้มีทักษิณ ให้มีเพื่อแผ่นดิน ให้มีพลังประชาชน อีก 200 พรรค มันก็ยังเหมือนเดิม เพราะว่า..
ญาติโยมต้องรู้นะว่า เรานี่ใกล้ถึงจุดล่มสลายแล้วตอนนี้เราเอาวัตถุ คือตัวโลภ เป็นตัวตั้ง เราเอาโทสะ ความโกรธ เป็นตัวร่วม เราเอาโมหะ คือความหลง เข้ามาผสมผสาน เพราะฉะนั้นเราโลภ โกรธ หลง พร้อมกันหมดในสังคมไทยตอนนี้ เรามองตึกสูงเป็นเรื่องความเจริญ เรามองถนนหนทางที่ไปได้ดี เรามองรถไฟฟ้าที่มีพร้อม เป็นเรื่องความสุขของประชาชน แต่เราไม่เคยมองใจ ว่าเราเคยมีความสุขที่ใจไหม เวลาญาติโยมได้เงินมาล้านนึง ญาติโยมดีใจ มองย้อนหลังกลับไป ดีใจนานแค่ไหน มองย้อนหลังกลับไปสิ บางคนดีใจได้แค่ 3 ชั่วโมง ไม่ตื่นเต้นแล้ว บอกว่าต้องหาให้ได้ 2 ล้าน ถึงจะดีใจมากขึ้น ถูกมั้ย บางคนดีใจแล้วก็หมดความดีใจ เมื่อเอาเงินนั้นไปซื้อรถยนต์คันหนึ่ง แล้วรถยนต์ถูกชน ก็หมดความดีใจ เห็นหรือยัง เพราะฉะนั้น ดีใจในลักษณะที่มาจากวัตถุนั้นเป็นดีใจจอมปลอม ดีใจที่ดีใจจริงๆ แล้วมันอยู่กับใจ มันอยู่ที่ไหนล่ะ ญาติโยม มันต้องอยู่ที่เราต้องฝึกใจเรา ทุกข์ มีหมด ทุกข์จากการทะเลาะเบาะแว้งกัน ทุกข์จากการที่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการจะได้ ทุกข์จากการที่คนมาว่าเรา ทุกข์จากการที่อายุมาก แก่ชราลงไป แทนที่จะยอมรับความแก่ชรา ก็ไปเรียกตัวเองว่าผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้อาวุโส จะไปทรงคุณวุฒิ อาวุโสได้อย่างไร มันคือคนแก่น่ะ ถูกไหม
นี่ด้วยความที่ไม่ต้องการที่จะจาบจ้วงใคร ใครไปตั้งชื่อป๋าเปรมเป็นราษฎรอาวุโส หัวหน้าคนแก่ มีเหรอในโลกนี้ แก่ก็คือแก่ ใช่ไหม แก่ต้องงามอย่างแก่ กลางคนต้องงามอย่างกลางคน สาวก็งามอย่างสาว เด็กก็งามอย่างเด็ก ทุกวัยมันมีความงามที่เหมาะสมกับวัยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นญาติโยมต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน ถ้าญาติโยมเข้าใจตรงนี้แล้ว ญาติโยมจะเริ่มรู้ว่าเราไปหลงตัวเราเอง เกียรติยศทุกคนอยากได้ แหมท่านครับ ขอผมเป็นรัฐมนตรีสักครั้งเถอะ เพื่อเกียรติแก่วงศ์ตระกูล คำว่าเพื่อเกียรติแก่วงศ์ตระกูลนั้น ในทางธรรมนั้นเขาเรียกว่าเพื่อเป็นทุกข์แก่วงศ์ตระกูล ไม่ได้เป็นเกียรติ เพื่อเป็นทุกข์ ใช่มั้ย เพราะว่าถ้าขอ ถ้าตัวเองกล้าที่จะขอตำแหน่งรัฐมนตรี สมมุติว่าเป็น ส.ส.คุมภาคอีสาน แล้วเกิดได้ตำแหน่งไปวิ่งอยู่หน้าพรรค หัวหน้าครับขอผมเป็นรัฐมนตรีสักครั้ง ชีวิตนี้ไม่เคยเป็น อยากเป็นเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลผม คนๆ นี้จะตกนรกทั้งเป็น เพราะอะไรรู้ไหม เพราะวันที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ตัวเองจะทำตัวไม่ถูกแล้ว
อาตมาภาพจำอดีต ส.ส.คนหนึ่งได้ ที่อุดรธานี อย่าให้เอ่ยชื่อเลย ชีวิตไม่เคยเป็นรัฐมนตรี พอได้เป็นรัฐมนตรีแค่ 2 เดือน ตำบล อำเภอ ที่ตัวเองอยู่ จากอำเภอเมืองอุดรธานี วิ่งแค่ 15 กิโลฯ พอเขาลงจากเครื่องบินที่อุดรฯ ต้องมีรถทางหลวงนำ 15 กิโลฯ เพื่อเป็นเกียรติจอมปลอมของเขาไง พอนำไปนำมาจนกระทั่งวันซึ่งเขาไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะไม่มีรถนำ ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการเอารถปิกอัพคันหนึ่งมาพ่นสีคล้ายๆ รถตำรวจทางหลวง แล้วก็นำตัวเองออกจากบ้านเพื่อมาสนามบิน นี่ใจคนมันเป็นบ้าไปแล้วนะ คนมันเป็นบ้าไปแล้วนะญาติโยม
ถ้าไม่รีบร้อนไปไหนให้อาตมาไปทำธุระหน่อย แล้วเดี๋ยวลงมาแล้วจะแสดงธรรมเทศนาช่วงที่สำคัญที่สุด ถ้าเบื่อธรรมอันนี้ก็กลับบ้านได้ แต่ถ้าไม่เบื่อเดี๋ยวจะมีทีเด็ดให้
Photo Gallery บรรยากาศภายในวัดป่าบ้านตาด สถานที่จำวัดของ “พระสนธิ สันตจิตโต” (ภาพ : Luangta.com)
กุฏิพระที่มีฝาผนังเป็นไม้สำหรับพระที่มีอายุพรรษาสูงขึ้น
ในวัดป่าบ้านตาดจะมีทางจงกรมประจำทุกกุฏิ หลวงตาจะเข้มงวดขันให้พระเณรขยันเดินจงกรม มีเป้าหมายปลายแดนเพื่อความพ้นทุกข์สิ้นเชิง
กระต่าย ไก่ป่า สัตว์ที่นี่มีอาหารอุดมสมบูรณ์เพราะที่นี่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร
ศรัทธาญาติโยมรอใส่บาตรทุกเช้า..บริเวณด้านหน้าวัดป่าบ้านตาด
นั่งสมาธิ..หลับตานอก เปิดตาในให้ตื่นด้วย "จิตตตภาวนา"
โลกข้างนอกวุ่นวายจริงหนอ...สถานที่เช่นนี้สงบสงัดจริงหนอ
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์"
|