สมาธิเป็นกิริยาของจิต
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
สมาธิเป็นกิริยาของจิต เมื่อเรามีสติกำหนดรู้จิตอยู่ในปัจจุบัน เป็นการปฏิบัติสมาธิทั้งนั้น
พอเราเริ่มจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เราทำด้วยความ มีสติ ก็เป็นการปฏิบัติสมาธิ พอเสร็จแล้ว เราจะปักลงตรงไหน เราก็มีสติกำหนดว่าเราจะปักลงตรงนี้ เวลาไหว้พระ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา เราก็ตั้งใจทำด้วยความมีสติ สวดมนต์ อื่นๆ เราก็มีสติสวดอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือปฏิบัติสมาธิ
คนทั้งหลายไปเข้าใจว่า สวดมนต์ก็อันหนึ่ง ปฏิบัติสมาธิก็อันหนึ่ง บางทีสวดมนต์รีบสวดเอาๆ จะรีบสวดให้มันจบ จะได้รีบ ไปนั่งสมาธิ แบบนี้ก็มี
แม้แต่ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด เรามีสติรู้ ตัวตลอดเวลา อันนี้คือแผนการปฏิบัติสมาธิที่ถูกต้องที่สุด
ลำพังแต่การฝึกสติให้รู้อยู่กับการยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด มันจะเป็นการปฏิบัติสมาธิได้อย่างไร
มันไปได้ตรงนี้ ตรงที่เรานอนลงไป จิตมันคิดอะไรก็ปล่อย ให้มันคิดไป เราเอาสติตามรู้ๆๆ ไปจนกว่าจะนอนหลับ เราปฏิบัติ ต่อเนื่องไปทุกวันๆๆ ประเดี๋ยวมันก็ได้สมาธิในเวลานอน
คนบางคนนั่งสมาธิไป ๗-๘ ชั่วโมง จิตไม่สงบสักนิดหนึ่ง แต่เมื่อเวลานอน จิตสงบ สว่างขึ้นมาได้
พระอานนท์เดินจงกรมจนเท้าแตก นั่งสมาธิจนเหน็ดเหนื่อย พอนึกว่าเหน็ดเหนื่อยแล้วจะพักผ่อน พอเอนกายลงระหว่างครึ่ง นอนครึ่งนั่ง จิตมันแวบไปนิดหนึ่ง ได้สำเร็จอรหันต์
สมาธิที่มันอยู่ลึกๆ ที่เรียกว่าอยู่ในญาณในฌานอะไรสูงๆ นั่นน่ะ ตอนนั้นมันเป็นการสร้างพลัง แต่เวลามันจะสำเร็จนี่ มัน อยู่ตื้นๆ พอมันแวบไปนิดหนึ่ง จิตมันก็ตัดกิเลสขาด ได้สำเร็จ อรหันต์
เพราะฉะนั้น คนที่ปฏิบัติสมาธิ บางคนพูดอะไรไม่ค่อยเป็น แต่ในจิตในใจเขาเป็น เขาเป็นสมาธิ เขามีปัญญารู้ธรรมเห็นธรรม แต่เขาพูดไม่เป็น เพราะว่าธรรมะของจริงนี่อยู่เหนือสมมติบัญญัติ ก็เหมือนอย่างแม่อาของหลวงพ่อ "โอ๊ย! ทำไมใจคนมันจึงลุกเป็น ไฟได้" ทีนี้ถ้าคนเรียนหนังสือมา เขาก็บอกว่า "นี่มันเป็นสมาธิ ขั้นนั้น ตอนนั้น" เขาจะว่าอย่างนี้ แต่นี่แกรู้แต่ว่าทำไมใจคนมัน จึงลุกเป็นไฟขึ้นมาได้ เพราะแกไม่ได้เรียนภาษาสมมติบัญญัติมา
|