ตัดกรรมด้วยศีล ๕
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
เราจะตัดกรรมตัดเวร หมายถึงตัดผลเพิ่มของบาปของเวร ศีล ๕ เป็นอุบายการตัดผลเพิ่มของบาปกรรม แต่บาปกรรมเก่า ที่เราทำเอาไว้มันก็ยังอยู่อย่างนั้น มันไม่ได้ตัดให้หมดไป แต่มัน ตัดผลเพิ่มต่างหาก
สมมติว่าเมื่อวานนี้เราทำบาปได้น้ำหนัก ๑ กิโลกรรม วันนี้ เรามางดเว้นเด็ดขาด เราไม่ทำ บาปก็ยังเหลืออยู่กิโลกรัมเดียว แล้วเราสร้างบุญไว้ ๑ กิโลกรัม วันพรุ่งนี้เราทำดีเพิ่มขึ้น ๑ กิโล-กรัม ความดีมันก็เพิ่มขึ้นเป็นน้ำหนัก ๒ กิโลกรัม วันต่อๆ ไป เพิ่มขึ้นวันละ ๑ กิโลกรัม น้ำหนักของบุญมันก็เพิ่มขึ้นๆ ในเมื่อ ผลบุญมันมีมาก จิตมันบันทึกเอาไว้ มันก็ปราโมทย์บันเทิงอยู่กับ ความดี มันก็ไม่ใฝ่ฝันที่จะทำบาปทำชั่วอีก นี่! ท่านหมายความ ว่าอย่างนี้
ไม่ใช่ว่าทำบาปแล้วเมื่อวานนี้ แล้ววันนี้มานึกได้ มาทำพิธีล้างบาป มาทำพิธีตัดกรรมตัดเวร มันเป็นไปไม่ได้ บาปกรรมเล็กน้อยที่เราทำมันก็อยู่นั่นแหละ ตราบใดที่เรายังไม่สำเร็จ พระนิพพาน เราเผลอไม่สร้างความดีขึ้นมา ทีนี้ความดีมันลดน้อยลง
ลดน้อยลง จนกระทั่งหมดไป ภายหลังมา ถึงระยะที่บาปกรรม เล็กน้อยมันจะให้ผลได้ มันก็ให้ผลทันที มันไม่ได้หมดไป
ขนาดที่บรรลุพระอรหันต์แล้วนี่ ยังต้องเสวยผลของกรรม เพราะว่าการเสวยผลของกรรมนี่ เสวยได้ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ มีร่างกายนี้อยู่ ถ้าสำเร็จพระนิพพานแล้ว ทิ้งกายไปแล้ว ร่างกาย ตัวตนไม่มี มันก็ไม่มีโอกาสได้รับผลของกรรม แล้วท่านที่สำเร็จ นิพพานแล้ว ก็ไม่ต้องย้อนกลับมาเกิดเป็นรูปเป็นร่างอีก มันก็ หมดบาป หมดกรรมหมดเวรกัน
ตราบใดที่เรามีกรรมที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่นี่ กรรม นิดๆ หน่อยๆ ที่เราทำไว้นี่มันไม่ได้สูญหายไปไหน เพียงแต่มัน ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน เท่านั้นเอง
เราทำบาปมา แต่วันนี้เรางดเว้นจากการทำบาป สวดมนต์ ภาวนาเรื่อยไป เราไม่ทำบาปเพิ่มอีก ในที่สุดมันก็ต้องสำเร็จพระนิพพาน
|