กฎแห่งกรรม : ผ่าตัดจอมขันที หลี่เหลียนอิง
มหาขันทีหลี่เหลียนอิงคู่พระทัยพระนางซูสียืนหน้าขวาสุด
ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในโมริเชียส แม้จะห่างไกลจีนแผ่นดินใหญ่ มาปักหลักฝังรากโคนอยู่ที่นี่เกือบร้อยปีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมิได้ตัดขาดกับวัฒนธรรมของจีนที่มีมาช้านานยังคงดำเนินชีวิตสืบสานต่อไปด้วยกาพย์กลอนวรรณกรรมความซื่อสัตย์มีอัธยาศัย เคารพฟ้าดิน กตัญญูรู้คุณ ฯลฯ คนส่วนมากจะกราบไหว้พระองค์กวนอู พระพุทธจี้กงฯ
การที่อนุตตรธรรมมาเผยแผ่ถึงดินแดนแห่งนี้ได้นอกจากเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระแม่องค์ธรรมได้โปรดแล้ว ยังนับได้ว่าเป็นเพราะพระพุทธะโพธิสัตว์ทั้งหลายได้เคยปลูกฝังบุญสัมพันธ์อันไพศาลมาก่อน วันที่สิบห้าเดือนมีนาคม เราได้จัดการประชุมอบรมธรรมขึ้นหนึ่งวัน ที่เมืองพอร์หลุยส์ อาศัยอาคารของสมาคมจีนแคะ มีผู้เข้ารับการอบรมประชุมหนึ่งร้อยห้าสิบคนบรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงธรรมและพระมหากรุณาธิคุณฯ ตอนบ่ายพระองค์กวนอูประทับทรง
เป็นสง่าน่าเกรงขาม โปรดประทานพระอักษรโอวาทความว่า สำนึกรู้ อีกทั้งตักเตือนญาติธรรมว่า หากเอาแต่กราบพระไหว้เจ้าขอลาภขอผลไม่รู้จักสร้างบุญ คุณความดี จะมีแต่หลง จะต้องเจริญรอยตามพระอริยะ ร่วมงานฉุดช่วยชาวโลก ปฏิบัติตนเป็นคนกตัญญู ปรองดองน้องพี่ จงรักภักดีสัตย์ซื่อ จึงจะถือว่าเป็นสัมมาศรัทธา เป็นพระวจนะดังกลองระฆังที่ช่วยให้คนหนวกบอดทั้งหลายได้สำนึกโดยแท้ อีกทั้งช่วยให้ญาติธรรมก้าวเดินอย่างถูกต้องและเชื่อมั่นบนหนทางปฏิบัติบำเพ็ญต่อไป
วันพุธที่ 18 เดือนมีนาคม ค.ศ. 1992 ตอนบ่ายหลี่อุ่ยอุ๋นเจี่ยงซือ ได้รับจดหมายจากทางบ้านมาเลเซียบอกข่าวร้ายว่า ญาติธรรมชื่อพันฝูเม่ย ภรรยาของหวงเฉิงหลี่กลับจากงานสวนผักขับรถคว่ำ บาดเจ็บสาหัส ขณะนี้อยู่ที่โรงพยาบาล คืนนั้นที่ตำหนักพระ จงซิน เมืองอีโป วิญญาณผีได้มาใช้ร่างทรงประกาศว่า แก้แค้นได้สำเร็จแล้ว แม้ทุกคนจะขอร้องให้วิญญาณผ่อนผันอย่างไรก็ไร้ผล ในที่สุดเขาก็คร่าชีวิตเธอไปจนได้
หวงเฉิงหลี่และภรรยาผู้วายชนม์เป็นคนดีมีศรัทธาลูกๆก็ร่วมช่วยงานธรรมะทุกด้าน นับเป็นครอบครัวตัวอย่างของผู้บำเพ็ญ ครั้งนี้ที่ประสบเคราะห์กรรม เราได้แต่สงสารแต่ไม่อาจบอกเหตุที่มาของเรื่องนี้ได้ เตี่ยนฉวนซือพูดได้สั้นๆเพียงว่า สูงส่งร่ำรวยฟ้าประทานให้ เกิดตายเป็นไปตามชะตากรรม การตายด้วยอุบัติเหตุย่อมมีกฎแห่งกรรมนำให้เป็นไป หากมิใช่แล้วมีหรือที่ฟ้าจะตัดใย เป็นเรื่องที่เรามิรู้ได้ แต่ก็น่าจะรู้ให้ได้ ในกาลคับขันบัดนี้ เวลาที่เจ้ากรรมนายเวรทวงหนี้ก็กระชั้นเข้ามาทุกขณะ เมื่อบุญกุศลของใครไม่พอชดใช้ก็ต้องอาศัยอุบัติเหตุหรือป่วยไข้ไปชำระจึงจะทำให้เจ้าหนี้นายเวรสมแค้น
หากญาติธรรมเองหรือพวกพ้องเข้าใจในหลักธรรมก็จะไม่โทษฟ้าว่าใครๆ ผู้รับกรรมเองก่อนตายก็ให้ทำจิตใจใสสงบ เมื่อกายสังขารหมดสิ้นความเจ็บปวด ก็จะเป็นเวลาที่จิตวิญญาณหลุดพ้นไปสู่สุคติได้
ที่แน่แท้คือ หากมิใช่วาระปรกโปรดสามโลก และด้วยพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน ด้วยพระเมตตาบารมีจากบรรพจารย์แล้ว อะไรจะง่ายดายเช่นนี้ ที่น่าเสียดายคือพันฝูเม่ยผู้วายชนม์กินเจมาหลายปี แต่ยังมิได้ถวายปณิธาน (ลี่ชิงโข่วเอวี้ยน) แม้ผู้อาวุโสจะส่งเสริมอย่างไรก็ไม่เป็นผล ชีวิตมิอาจคาดได้ ความตายมาได้รวดเร็ว แค่หยุดลมหายใจก็กลายเป็นบุคคลในอดีตทันที เป็นเรื่องสุดวิสัย และน่าสะท้อนใจเพียงไร กัลยาณชนจึงตั้งความมุ่งมั่นทันที มิกล้าหนีหายไปจากธรรมะ เพราะท่านถ่องแท้ในสัจธรรมของชีวิตมาก่อน
จึงใช้คุณงามความเมตตามุ่งสู่วิถีธรรมอย่างยินดี สำรวมระวังรักษาดวงปัญญาใสสะอาด ตรงต่อเบื้องบน อีกทั้งส่องสว่างแด่ผู้คนอันเป็นคุณงามความดีเมตตาอารีโดยแท้ บ่ายวันดังกล่าว เอี้ยนอี๋ ดรุณีร่างทรง เกิดอาการประหลาด เธอบอกกับเลี่ยวเสวียหนี่เจี่ยงซือว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย จบคำก็เป็นลมล้มลงทั้งยืน มือเท้าเย็นเฉียบ สีหน้าซีดเผือก อาจารย์หลายท่านรีบเข้าประคองให้นั่งกับพื้น และแล้วใบหน้าของเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแสยะยิ้ม มีเสียงครางอยู่ในลำคอตลอดเวลา เรารู้ว่าพี่น้องในโลกวิญญาณมาปรากฏอีกแล้ว
เตี่ยนฉวนซือ : เจ้าเป็นใครมาตำหนักพระด้วยเหตุอะไร พูดได้ไหม?
วิญญาณ : ฮือ ข้าจะบอกให้ ข้าได้รับบัญชาอนุญาตให้มาทวงหนี้นานแล้ว ครั้งนี้ข้าจะไม่เห็นแก่หน้าพระอาจารย์จี้กงของพวกเจ้า ไม่ให้โอกาสใครอีก ใครที่เป็นหนี้ชีวิตของข้า จะตามถึงตัวทันที ไม่มีอะไรต้องต่อรองกันอีกแล้ว ฮือ ฮือ ดูซิ พวกมึงยังจะกล้าถ่ายทอดธรรมะอีกไหม
เตี่ยนฉวนซือ : เราจะถดถอยเพราะประสบอุบัติเหตุไม่ได้ ยังจะถ่ายทอดต่อไป ไม่มีอะไรน่ากลัว
วิญญาณ : จะบอกให้ บัดนี้พวกวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรเจาะจงจะหาคนที่มีศรัทธาโดยเฉพาะเตี่ยนฉวนซือ ถันจู่ (เจ้าตำหนักพระ) เจี่ยงซือ ที่ออกมาบุกเบิก เมื่อถึงเวลาก็จะเอาชีวิตเหมือนกัน ขึ้นรถขึ้นเครื่องบินให้ระวังให้ดี ฮือ...
เตี่ยนฉวนซือ : เมื่อมีความมุ่งมั่นปฏิบัติบำเพ็ญ เราย่อมสุดแท้แต่เบื้องบน เราไม่เก็บความตายไว้ในความคิดเลย ขอเพียงแต่เจ้าอย่าทำร้ายคนบริสุทธิ์ก็แล้วกัน เจ้าเรียกร้องแต่จะทวงหนี้ชีวิต ทำไมไม่เปิดทางให้ผู้ตั้งใจปฏิบัติบำเพ็ญให้เดิน ให้เขาเหล่านั้นสร้างบุญอุทิศส่วนบุญไปให้ แม้เจ้าจะสะใจชั่วขณะ แต่จะเกิดประโยชน์อะไรล่ะ
วิญญาณ : ฉุดดึงข้าแน่นอย่างนี้ พวกแกนึกว่าจะปราบข้าอยู่หรือ
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่จับเจ้าไว้ ร่างที่เจ้าขอยืมใช้บาดเจ็บจะทำยังไง รีบบอกมา เจ้ามาจากไหน มาปรากฏที่นี่ด้วยเหตุและผลกรรมอะไร
วิญญาณ : แน่นอนก็ต้องมาจากนรกน่ะซิ มาเพื่อบอกข่าวการติดตามทวงหนี้ชีวิตของพวกข้า
เตี่ยนฉวนซือ : เมื่อมาจากนรก ก็ควรรู้ความทุกข์จากนรก แม้จะมาทวงหนี้ ก็จะต้องมีลำดับขั้นตอน แต่ทางที่ดี ขอให้อโหสิกรรมกันเถิด อย่าได้ทำร้ายคนบริสุทธิ์เลย
วิญญาณ : ในยุครวมเหตุปัจจัยครั้งใหญ่นี้ ไม่มีคนบริสุทธิ์สักคนเดียว ทุกคนมีหนี้เวรกรรมที่จะต้องชดใช้ รู้ไหม
เตี่ยนฉวนซือ : เพราะฉะนั้นเราจึงต้องไปถ่ายทอดธรรมะช่วยคนไงล่ะ ถ้าหากแม้แต่โอกาสจะได้รับวิถีธรรมก็ไม่มี ยังจะพูดถึงการสร้างบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่ติดค้างกันมามากมายตั้งแต่ชาติไหนๆ ได้ยังไง
วิญญาณ : ไม่ต้องมาพูดหลักธรรมล้ำลึกกับข้าหรอกจะบอกให้ ถ้าจะทวงหนี้ชีวิตละก็ไม่รอฟังเหตุผลหรอก พวกข้าได้รับอนุญาตออกติดตามทวงหนี้กันไปทั่ว ที่ได้รับวิถีธรรมแล้วถวายปณิธานกินเจแล้วและทำงานธรรมะอยู่ แม้พวกข้าจะเข้าใกล้ไม่ได้ แต่ก็ก่อกวนได้ ส่วนญาติธรรมทั่วไปเป็นหนี้เท่าไร กินชีวิตพวกข้าไปเท่าไรก็ต้องจ่ายหนี้เท่านั้น ไม่มีเหตุผลกล่าวอ้างต่อรอง ญาติธรรมชาวมาเลเซียคนนั้นถูก เอาตัวไปแล้วไม่ใช่หรือ
เตี่ยนฉวนซือ : เราเตือนให้ญาติธรรมฝึกกินเจ ละเว้นเนื้อสัตว์ให้มากเสมอ พูดถึงญาติธรรมผู้ตายน่าเสียดายที่ยังไม่ได้ถวายปณิธานกินเจ เจ้าก็เอาเขาไปเสียก่อน พูดแล้วยิ่งเสียใจ ต่อไปเราจะพยายามกล่อมเกลาญาติธรรมให้จริงจังกว่านี้
วิญญาณ : เฮ้ย อย่าชี้ตัวผิด ๆ นะ ญาติธรรมคนนั้นไม่ใช่ลูกหนี้ของข้า ไม่ใช่ข้าเอาชีวิตเขาไปนะ ไม่เกี่ยวด้วย
เตี่ยนฉวนซือ : เอาละ ขอโทษ เรากล่อมเกลากันเต็มที่แล้ว ขอเจ้าอย่าเอาแต่ทวงหนี้ชีวิตเลย ควรจะช่วยให้เขาได้สร้างบุญกัน หากคุมแค้นไม่จบ จะเป็นผลให้ทั้งสองฝ่ายไม่พ้นทุกข์ เจ้าต้องคิดให้ตกนะ
วิญญาณ : จะบอกให้ ช่วงเวลาถ่ายทอดวิถีธรรมสั้นลงแล้ว เวลาที่พวกข้าได้รับอนุญาตให้ตามทวงหนี้ก็กระชั้นมากขึ้น จึงทวงได้ทุกขณะเวลา
เตี่ยนฉวนซือ : ใช้หนี้ ทวงหนี้ เกิดตายไม่สิ้นสุดทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้เขาสร้างบุญอุทิศให้ล่ะ เจ้าหนี้ลูกหนี้เวียนว่ายไปด้วยกันทุกชาติเกิดมาทวงกันเรื่อยไป คุ้มไหม
วิญญาณ : ไม่มีคำว่าคุ้มไม่คุ้ม ถ้าจะตายต้องตายด้วยกัน จะเวียนว่ายต้องเวียนว่ายด้วยกัน มันสะใจ ฮึ รู้ไหม พวกข้าทุกข์ทรมานแค่ไหนในนรก
เตี่ยนฉวนซือ : พวกเราสงสารเห็นใจในความทุกข์ของพวกเจ้ามาก แต่เจ้าก็ต้องคิดดู นานปีที่เจ้าไม่อาจพ้นทุกข์ก็เพราะโลภ โกรธ หลงความอาฆาตแค้นไม่หาย วิญญาณในระดับสูงในขณะที่รับทุกข์ไปก็สำนึกบาปไป พร้อมกับปลดปล่อยพระผู้เป็นเจ้าในใจออกมา ดับไฟแค้นไฟโทสะทันที แม้ในนรกก็ปรากฏดอกบัวรองรับให้เขาพ้นจากวัฏสงสารไปได้ เจ้าฟังเข้าใจไหม?
วิญญาณ : ไม่ต้องมาอ้างหลักธรรมกับข้ามากมายหรอก แม้ข้าจะให้อภัย แต่เจ้าหนี้นายเวรอีกมากมายไม่ใช่เขาจะยอม รู้ไหมการลงโทษในนรกทารุณแค่ไหน ไม่ใช่พอพวกแกพูดเข้าหน่อยแล้วจะให้พวกข้ารามือดับเพลิงแค้นในใจได้ ฮึ คิดว่าง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ
เตี่ยนฉวนซือ : โลภโกรธหลงเป็นประตูนรก พิษร้ายทั้งสามไม่หาย จะพ้นทะเลทุกข์ไม่ได้ตลอดไป
วิญญาณ : ข้าไม่สน คนที่เคยทำร้ายข้า เกิดมาเป็นคนได้ในชาตินี้ มีทั้งเจ้าตำหนักพระ อาจารย์บรรยาย อาจารย์ถ่ายทอด ทั้งหมดเป็นเพราะอาจารย์จี้กงของพวกเจ้าปกปักแบกรับบาปเวรแทนพวกเจ้าไว้ ...ฟ้าหนอ ไม่ยุติธรรมเลย ฮือ... (จากนี้จะเห็นได้ว่า เราศิษย์ธรรมกาลยุคขาว มีหนี้เวรหนี้กรรมกันเท่าไร เป็นหนี้พระคุณพระอาจารย์ พระอาจาริณีเท่าไร เป็นหนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คุ้มครองรักษาเท่าไร บารมีคุณของพระองค์จะคุ้มเราได้เพียงระยะหนึ่ง จะไม่คุ้มตลอดไป หากไม่ตั้งใจปฏิบัติบำเพ็ญ สร้างบุญ บรรลุปณิธาน สุดท้ายยังไม่พ้นกฎแห่งกรรม ต้องชำระหนี้)
เตี่ยนฉวนซือ : ในเมื่อเจ้าเป็นตัวแทนของเจ้าหนี้นายเวรทั้งหลายมา หวังว่าเจ้าจะกลับไปหารือกัน
ขอให้รอบุญกุศลที่ผู้บำเพ็ญทั้งหลายอุทิศให้ ทันทีที่อโหสิก็หลุดพ้นแล้ว
วิญญาณ : ได้แต่ปลอบใจพวกข้า ไม่มีกายเนื้อจะหลุดพ้นได้ยังไง ถ้าพวกแกรับทุกข์อยู่ที่นั้นด้วย ยังจะคิดถึงอะไรได้นอกจากจะแก้แค้นยังไง จะเอาชีวิตมันยังไง รู้ไหม
เตี่ยนฉวนซือ : สามโลกเหมือนขุมไฟโลกีย์ไม่มีวันสงบได้ โดยเฉพาะในนรกยิ่งเจ็บปวดทรมาน
มานี่ จะสอนให้เจ้าท่องพระนามพระพุทธะ นโมอมิตพุทธ
นโมพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (พระโพธิสัตว์กวนอิม)
นโมพระพุทธะกษิติครรภ์ (ตี้จั้งอ่วงผูซา)
หากมีแต่ความตั้งใจจริง พระพุทธานุภาพ ก็จะช่วยให้ความเจ็บปวดลดน้อยลง
อย่าลืมนะ
วิญญาณ : อย่างหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ มันไม่ยุติธรรมเลย ทำไมผู้บำเพ็ญแม้จะถูกเจ้าหนี้คร่าชีวิต แต่ทำไมไม่ต้องมารับทุกข์ในนรกร่วมกับพวกข้า ได้นิ้วเดียวของพระอาจารย์จี้กงชี้ให้ก็กลับสวรรค์ได้ อีกทั้งไม่เห็นมีบุญกุศลกันสักเท่าไร ไม่ยุติธรรมเลย
เตี่ยนฉวนซือ : นี่ก็คือบุญวาระวิเศษที่พระศรีอริยะเมตไตรยเสวยอายุ อาศัยพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน บารมีคุณพระอาจารย์คุ้มครอง ใครที่ได้รับวิถีธรรมแล้วเพียงไม่เปลี่ยนไปจากจิตแท้แต่เดิมที ล้วนแต่หลุดพ้นได้ น่าเสียดายที่สาธุชนทั้งหลายที่เข้าใจหลักธรรมบำเพ็ญจริงนั้นมีน้อยมาก จึงผิดต่อพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน เราผู้บำเพ็ญจะต้องพยายามก็คือตรงนี้
ภาพนี้เป็นภาพที่พระนางชูศรีแต่งเป็นพระแม่กวนอิม มีหลี่เหลียนอิงเป็นอัครสาวก
วิญญาณ : มันจะยุติธรรมได้ยังไง ทำไมไม่ต้องมารับทุกข์ร่วมกับพวกข้าในนรก เมื่อต้นปีญาติธรรมชาวมาเลเซียของพวกแกคนหนึ่งถูกเอาชีวิตไปตายแล้วก็กลับสวรรค์ง่ายดายเหลือเกิน ทำไมไม่กลับมารับโทษที่นรก ฮึไม่ยุติธรรมเลย (ที่วิญญาณพูดถึงนั้นหมายถึงญาติธรรมที่ชื่อไต้สือ เคยมีวิญญาณเจ้ากรรมมาปรากฏก่อน เขามะเร็งที่กระดูก รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ภายหลังได้รู้ความจริงว่าชาติก่อนเขาเคยสังหารครอบครัวสิบเอ็ดคนของพี่ชายร่วมสาบานที่เคยร่วมชีวิตเขาไว้ แม้ชาตินี้จะพยายามตั้งใจกินเจ แต่หนี้เวรกรรมนั้นหนักหนาสาหัสนัก หนีไม่พ้น จึงถูกคร่าชีวิตไปเมื่อต้นปี ที่น่ายินดีคือ วิญญาณได้กลับคืนเบื้องบนไปแล้ว)
เตี่ยนฉวนซือ : คนที่เป็นหนี้ชีวิตพวกเจ้า แม้จะมีบาปเวรมาก แต่เคยมีพุทธสัมพันธ์บรรพบุรุษมีคุณธรรมบารมีมาก จึงส่งผลให้เขาได้รับวิถีธรรม แต่เมื่อหนีไม่พ้นหนี้กรรม ต้องชดใช้หนี้ด้วยชีวิต ก็ใช้ไป เบื้องบนก็ยังอนุญาต ให้กลับคนเบื้องบนได้ ส่วนมรรคผลจะเล็กใหญ่เพียงไร กำหนดได้จากครั้งมีชีวิต นับเป็นคุณวิเศษสูงยิ่งในการปรกโปรดครั้งใหญ่ในยุคสาม แต่มิให้ถือดีเป็นอันขาด
วิญญาณ : ได้รับจุดชี้เท่านั้นก็กลับเบื้องบนได้บำเพ็ญดีหรือก็เปล่า ไม่ยุติธรรมเลย
เตี่ยนฉวนซือ : เวไนยสัตว์ที่หลงจมก็มีเหตุปัจจัยแห่งบุญ หลงก็มีส่วนรู้ตื่น เบื้องบนพร้อมจะรองรับผู้ที่กลับใจ ประสานแสงเมตตากับพระศรีอาริย์
พวกเราก็หวังว่าเจ้าจะได้ปลดปล่อยพระผู้เป็นเจ้าในใจเจ้าออกมา พระศรีอริยะเมตไตรยมีพระปณิธานใหญ่ โปรดสามโลกทั้งชาวฟ้าชาวดินเพียงแต่สำนึกผิด สำนึกพระคุณ ตั้งปณิธาณ ก็จะได้เข้าสู่กระแสเมตตาของพระศรีอาริย์ได้รับวิถีธรรมบำเพ็ญและบรรลุได้ในชาตินี้
วิญญาณ : พวกแกหลุดพ้นได้ในบัดดล แล้วบัดดลของพวกข้าละอยู่ที่ไหน
เตี่ยนฉวนซือ : ในบัดดลของพวกเจ้าอยู่ที่ให้อภัยวางขุ่นข้องโทสะเคียดแค้นชิงชัง ก็จะได้แสงธรรมระหว่างพระขนง(คิ้ว) ของพระศรีอาริย์ฉาบฉาย
วิญญาณ : เฮอะ อย่าหาว่าไม่บอกก่อน ภายหน้าเราจะหาคู่กรณีสองประเภท พวกหนึ่งคือคนที่ออกมาทำงานธรรมะเหมือนพวกแก พวกหนึ่งคือญาติธรรมใหม่ที่เพิ่งเกิดศรัทธา อาณาจักรธรรมของพวกแกเมืองใดถ้าถูกพวกข้าเอาไปสักสองชีวิต เพื่อเป็นข้อทดสอบความศรัทธาเท่านั้น ดูซิว่าเมื่อถึงเวลานั้นพวกแกจะถ่ายทอดธรรมะต่อไปได้ยังไง ลองดูซิ
เตี่ยนฉวนซือ : พวกเจ้าจะทำอย่างนี้ได้ยังไง การสร้างอาณาจักรธรรมไม่ใช่ง่าย สร้างศรัทธาของญาติธรรมก็ต้องทุ่มเทเหนื่อยใจกันมาก หากพวกเจ้าช่วยสนับสนุน ก็เท่ากับช่วยเก็บงานสามโลกจะเป็นบุญเหลือหลาย
วิญญาณ : พวกแกคนบำเพ็ญไม่เห็นมีคุณความดีอะไร อาศัยแต่เป็นลูกศิษย์พระฯจี้กงชี้นิ้วส่งให้หลุดพ้น อะไรก็บัดดล บัดดลแล้วบัดดลของพวกข้าล่ะ ขอถามซิ ฟ้ายุติธรรมไหม ฮึ เพียงแต่ในตระกูลมีใครออกมาทำงานธรรมะคนหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คุ้มครองทั้งครอบครัว แม้แต่โอกาสที่พวกข้าจะทวงหนี้ก็ไม่มี อย่างนี้ยุติธรรมไหม
(หันมาทางจางเตี่ยนฉวนซือ) จะบอกให้ ถ้ามีอีกครั้งหนึ่ง ชีวิตของลูกแกก็ไม่รับรองแกเป็นเตี่ยนฉวนซือคนเดียวไม่ใช่เป็นกันทั้งบ้าน
(หันไปทางหลิวเตี่ยนฉวนซือ) แม่ของแกถูกเลื่อยขาขวาไปท่อนเดียวยังไม่ใช่ทั้งขาหรือทั้งสองขานะ รู้สาเหตุไหม
(หันไปทางเฉินเตี่ยนฉวนซือ) อาการเจ็บป่วยของแม่แกก็เหมือนกันครั้งต่อไปดูซิว่าจะรอดไหม ฮึ
ฟ้าหนอ มีใครคนเดียวในบ้านออกมาทำงานธรรมะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คุ้มครองทั้งบ้าน ไม่ยุติธรรมเลย
เตี่ยนฉวนซือ : เป็นพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนโดยแท้ เราจะมีกุศลคุณความดีอะไรเพียงแต่ตั้งใจจริง สำรวมระวังปฏิบัติไปเท่านั้น และยังจะต้องเจริญปณิธาน
คนหนึ่งสร้างกุศลทุกคนในบ้านได้วาสนา คนหนึ่งทำชั่วช้าทั้งบ้านร่วมกันอัปรา เป็นความยุติธรรมของฟ้า
เบื้องบน ก็ได้โปรดรับเอาน้ำใจเล็กน้อยของพวกเราอย่างนี้ ให้ความคุ้มครองครอบครัวของเรา แม้ตัวตายก็ไม่อาจทดแทนพระคุณ
หวังว่าเจ้าจะกลับไปบอกกล่าวกับวิญญาณเจ้ากรรมพี่น้องในนรกด้วยว่า ขอให้วางไฟโทสะอาฆาตแค้นลงเสียเถิด ก็จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระศรีอาริย์เช่นเดียวกัน
วิญญาณ : หากเป็นพวกแกรับทุกข์ทรมานอยู่ในนรก จะแก้แค้นไหม เอาใจเขามาใส่ใจตัวดูบ้างซิ
เตี่ยนฉวนซือ : เจ้าพูดถูก แต่เราอยากจะเตือนเจ้าให้ละความแค้นให้จบเรื่อง แค้นแล้วพ้นทุกข์ไหม แค้นได้ประโยชน์ไหม มีแต่จะทำให้จมลึกลง ใช่ไหม
วิญญาณ : พวกข้ามีความทุกข์มาก พวกแกจะช่วยข้าได้ยังไงไหมล่ะ
เตี่ยนฉวนซือ : พวกเจ้าลำบากมากจริงๆ พวกเราเห็นใจและอยากช่วยเหลือมาก ขณะนี้รัศมีเมตตาของพระศรีอาริย์ส่องไปทั่วโลกธรรมสิบทิศ พระพุทธจี้กง พระโพธิสัตว์จันทรปัญญาสนองบุญวาระปรกโปรด หากพวกเจ้าสำนึกผิด ไม่คิดแค้น อาฆาต โกรธขึ้งขุ่นเคือง ก็จะรองรับบุญกุศลและพระมหากรุณาฯจากพระศรีอาริย์ได้
วิญญาณ : (ตั้งแต่วิญญาณอาศัยร่างทรงปรากฏตนมา น้ำเสียงเกรี้ยวกราดสลับเสียงร้องไห้ไม่หยุด แต่ขณะนี้เขาสงบลง แล้วเสียงเรียบๆว่า) ถ้าอย่างนั้น ขอให้ข้าได้รับธรรมะเดี๋ยวนี้
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้หรอกแม้แต่เหตุที่มาที่นี่เจ้าก็ยังไม่ได้บอกให้ชัดเจน อีกทั้งไม่มีพระบัญชาอนุญาตจากพระอาจารย์จี้กง เจ้าไม่มีกายเนื้อจะรับวิถีธรรมได้ยังไง
วิญญาณ : ดูดู พวกแก ความเมตตาทั้งหมดหลอกลวงทั้งนั้น พอจะขอรับธรรมะ ก็อ้างเหตุผลมากมายมาบ่ายเบี่ยง
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ใช่หลอกลวงหรือหลีกเลี่ยง แต่เป็นพุทธระเบียบ วิญญาณจะต้องมีลูกหลานฉุดช่วย หรือมีคุณต่องานธรรมะเจ้ามาปรากฏวันนี้ด้วยมีพระบัญชาจากเบื้องบน เราจะทำอะไรก็ต้องรับบัญชาพระโองการตามหลักการถ่ายทอดวิถีธรรมของชาวโลก
เรื่องนี้เราจะต้องได้รับอนุญาตจากท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยินและท่านฉีเฉียนเหยินเสียก่อนเป็นกฎพุทธบัญญัติ ขออภัยด้วย เราจะกราบขอน้ำทิพย์จากพระแม่องค์ธรรมให้เจ้าสักหน่อยไหม
วิญญาณ : มีประโยชน์อะไร กินแล้วก็ยังต้องกลับไปรับโทษในนรกต่อไป
เตี่ยนฉวนซือ : น้ำที่บูชาพระแม่องค์ธรรมคือน้ำทิพย์หากน้อมรับด้วยความสำนึกจริง จิตญาณก็สว่างขึ้น ความเจ็บปวดจากการทรมานก็ลดลง นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยจากเรา
วิญญาณ : ถ้าอย่างนั้น ที่เรามาแสดงตัวที่นี่วันนี้ก็ไม่ควรเสียเที่ยว พวกแกก็น่าจะให้อะไรดีๆแก่ข้าบ้าง
เตี่ยนฉวนซือ : การมาปรากฏของเจ้าเป็นอุทาหรณ์ให้คนได้คิด นอกจากขอบคุณแล้วเราไม่มีอะไรจะให้ ได้แต่ตักเตือนให้เจ้าละความพยาบาทมาดร้าย และเรายินดีแบ่งบุญที่ได้จากการประชุมอบรมพุทธบุตรในวันสิบห้าค่ำเดือนสามแก่เจ้า ดีไหม
เตี่ยนฉวนซือ : ยังไม่พอ
เตี่ยนฉวนซือ : เจ้าเพียงแต่มาปรากฏให้คนสำนึกในกฎแห่งกรรมเท่านั้น ไม่ได้บอกชื่อ แซ่สาเหตุอะไรเลย น้ำใจที่เราจะให้ก็มากพอสมควรแล้ว หากเจ้าจะให้ก็มากพอสมควรแล้ว หากเจ้าจะนำความจริงใจของพวกเราบอกต่อไปยังวิญญาณเจ้ากรรมทั้งหลายให้ละความอาฆาตกับคนเสียได้ ใจที่ให้อภัยก็จะเป็นมหากุศลได้ เข้าใจไหม
วิญญาณ : ถ้าพวกข้าละอาฆาตได้ ก็จะหลุดพ้นจากนรกได้จริงหรือ
เตี่ยนฉวนซือ : สำนึกผิดจริงๆ ก็จะได้รับกระแสเมตตานำพาจากพระศรีอาริย์ ในบันทึกโอวาทเหลี่ยวฝาน กล่าวไว้ว่า แม้จริงใจแก้ไขสำนึกผิด หุบเหวมิด มืดพันปีไม่มีแสง ใจสว่างต่างโคมตะวัน พลันแจ่มแจ้ง.... แต่การจะลงเอยอย่างไร อยู่ที่เบื้องบน การสร้างกุศลคุณความดี ที่สุดก็จะแปรร้ายให้กลายเป็นวาสนาได้นะ
วิญญาณ : จริงหรือ
เตี่ยนฉวนซือ : พระทัยฟ้าเมตตาเป็นที่สุด รับรู้ทุกผู้นาม ผู้ละการเพ้อเจ้อจะพูดปดได้หรือเจ้าจงเชื่อเถิด
ใช่สิ....เจ้ามาจากแดนนรกทุกข์ทรมาน จะเล่าให้ฟังได้ไหม
วิญญาณ : ทุกข์ทรมานแล้วไง ไอ้คนที่ทำร้ายพวกข้าก็ไม่มารับทุกด้วย ฮึ
เตี่ยนฉวนซือ : รับทุกข์ร่วมกับเจ้า จะทำให้เจ้าพ้นจากการลงโทษได้หรือ อย่าโง่เลย เล่าความเป็นมาได้ไหมวันนี้เป็นโอกาสดีของเจ้า รีบคว้าไว้เถิด
วิญญาณ : ก็ได้ ไม่ทวงหนี้ชีวิตก็ได้ ต้องให้ข้ารับธรรมะ
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้จะเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อแลกเปลี่ยนไม่ได้
วิญญาณ : ตกลงข้าไม่ทวงหนี้ชีวิตแล้วข้าจะรับธรรมะได้ไหม (น้ำเสียงสีหน้าอาการเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดดุร้ายอีก)
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้เจ้าจะได้รับธรรมะหรือไม่อยู่ที่เบื้องบนจะโปรด พวกเราได้แต่อุทิศส่วนกุศลให้ด้วยความเมตตาสงสาร ช่วยให้เจ้าได้มีโอกาสได้รับการปลดปล่อยเร็วขึ้น.....
วิญญาณ : ต้องให้ข้ารับธรรมะ ต้องให้ข้ารับธรรมะ พวกแกกลับกลอกทุกที พูดดีล่อหลอกพวกข้าไม่ให้ทวงหนี้ แต่พอพูดถึงขอรับธรรมะก็หาเหตุผลเลี่ยงโกหกได้สวยนะ
เตี่ยนฉวนซือ : การเรียกร้องของเจ้าไม่ถูกต้อง ทำให้เรากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นี่ไม่ใช้เรื่องค้าขายที่จะต่อรองราคากัน คิดดู หากเจ้าถูกเขาทำร้ายตายอย่างไม่ยุติธรรม คงไม่ต้องรับทุกข์อยู่ในนรกจนป่านนี้ เจ้าก็คงมีผลกรรมที่หนีไม่พ้นเหมือนกัน เขาทำร้ายเจ้า เจ้าจะล้างแค้นให้ได้ และที่เจ้าทำร้ายเขา เขาจะทวงถามอย่างไร เฮ้อ ! เจ้าอย่าโง่อีกเลย
วิญญาณ : ฮึม ฮึม
เตี่ยนฉวนซือ : จะตกต่ำต่อไปหรือหลุดพ้นทันที แล้วแต่เจ้าจะเลือกเอา อย่าเอามาปนกับเรื่องรับธรรมะ ชาติก่อนเจ้าเป็นใคร
วิญญาณ : เฮ้อ คนมีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งในประวัติศาสตร์
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่บอกให้ชัดเจน เราจะรู้ได้อย่างไง
วิญญาณ : ข้าไม่เข้าใจเลย ทำไมมันออกมาแล้ว แต่ข้ายังต้องรับโทษอยู่ในนรก
เตี่ยนฉวนซือ : คงเป็นเพราะเจ้าบาปหนาและอาฆาตไม่หาย ทำให้หมกไหม้ไม่พ้น บอกมาซิ เจ้าเป็นคนโด่งดังในสมัยไหน
วิญญาณ : ปลายราชวงศ์ชิง
เตี่ยนฉวนซือ : ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน
วิญญาณ : อยู่ในเมืองจื่อจิ้นเฉิง
เตี่ยนฉวนซือ : พระราชวังปักกิ่งเชียว เจ้าคือฮ่องเต้หรือ
วิญญาณ : ไม่ใช่
เตี่ยนฉวนซือ : งั้นก็ขุนนาง
วิญญาณ : ขันที
(เลี่ยวเจี่ยงซือโพล่งออกมาว่าขันที หลี่เหลียนอิง)
วิญญาณ : แกรู้ได้ยังไง
เตี่ยนฉวนซือ : โอ เจ้าก็คือขันทีหลี่เหลียนอิงที่เขาเรียกกันว่าเสี่ยวหลี่จื่อนั้นเอง
ครั้งนั้นเจ้าบงการซูสีไทเฮาทำลายกฎมณเฑียรบาล เป็นภัยต่อบ้านเมืองประชาราษฎร์ ผลาญชีวิตขุนนางน้อยใหญ่ โทษบาปของเจ้ามหันต์นับไม่ถ้วน.......
วิญญาณ : ข้าจะบอกความลับสุดยอดให้อีกเรื่องหนึ่ง ข้าน่ะ ชายเต็มตัวนะโว้ย ไม่ใช่ขันทีที่ถูกตอน
เตี่ยนฉวนซือ : ขันทีแอบแฝง
วิญญาณ : พวกแกลองคิดดู นางคนนั้นร้ายกาจแค่ไหน ทำไมจึงเชื่อฟังข้า
เตี่ยนฉวนซือ : ก่อเภทภัยวุ่นวายไปทั้งวังหลวง ก่อกามราคะอาเพศอย่างนี้นี่เล่า เจ้าจึงหมกไหม้ไม่พ้น....สวรรค์ได้โปรด เขาคือจอมปีศาจที่เทพตนชิงชังนี่เอง
วิญญาณ : ถ้าไม่ใช่เรื่องอย่างว่า ไหนเลยนางจะโปรดปรานเชื่อฟังข้าอย่างนั้น นางยังมีความสัมพันธ์ที่บอกใครไม่ได้กับคนราชวงศ์อีกคนหนึ่ง เฮ้อ เฮ้อ ข้าเล่าให้พวกแกฟังหมดแล้ว ให้ข้ารับธรรมะได้แล้วซินะ
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้หรอกเรื่องอาฆาตบาดหมางของเจ้า เราได้แต่ไกล่เกลี่ยให้ ไม่ใช่เอามาเป็นข้อต่อรอง
วิญญาณ : ตอนนั้นข้ามั่วกับนางนั้น แล้วยังเลี้ยงเด็กหนุ่มรูปงามไว้อีกไม่น้อย...เฮ้อ
เตี่ยนฉวนซือ : โอ ชั่วช้าสามานย์ลามกที่สุด เป็นบาปที่ดิ้นไม่หลุดเลย
วิญญาณ : จะบอกเข้าใจกว่านี้ การที่ข้าตกนรกหมกไหม้ก็ด้วยบาปกรรมที่ทำ ด้วยจิตใจเคียดแค้นอาฆาตที่ไม่อาจลบล้างและอีกย่างหนึ่งก็คือ อารมณ์ตัณหาราคะหมกมุ่นในกามตัณหา
...นี่เป็นความเจ็บปวดที่ข้าขอเตือนด้วยความหวังดี หวังว่าพวกแกจะช่วยให้ข้าเผยแพร่เตือนใจผู้คน แม้จะต้องรับทุกข์เวทนาจากนรกทุกขุมแล้วก็ตามตราบใดที่ยังไม่ถอนรากกามตัณหาก็อย่าหวังว่าจะได้พ้นไปจากนรกได้......
มีพุทธพจน์ความว่า
ความชั่วร้ายเหนือกว่าสิ่งใดคือกามราคะ
ความกระสันในความสุขชั่วขณะนำความหายนะทุกข์ระทมขมขื่นนับหมื่นกัป แต่โบราณจนบัดนี้ ชายชาตรีไม่น้อยที่ปฏิเสธความเย้ายวนของอิสตรี เชิดชูศักดิ์ศรีนับร้อยชั่วคนสืบมา แต่ก็มีชายไม่น้อยที่ถลำตัวหลงไปไม่ตื่น เสื่อมเสียคุณงามจรรยาทำให้บรรพบุรุษต้องได้อาย น่าเสียดายยิ่งนัก
หากชาวโลกดำเนินตามจริยธรรม สำรวมตนมั่นในคุณความดี ทวนกระแสคลื่นกามราคะ เอาชนะตัณหาให้ได้ จะไม่เพียงแต่เกิดนิมิตมงคลพ้นเพทภัย ยังส่งผลให้ไพบูลย์ถึงลูกหลาน อีกทั้งจรรโลงขนบธรรมเนียมดีงาม ให้ผู้คนต่างสำรวมร่วมกันก็จะเปลี่ยนชะตากรรมนำความสันติสุขสู่โลก
เตี่ยนฉวนซือ : คำเตือนและประจักษ์หลักฐานที่เจ้าได้แสดงมาเป็นคุณยิ่งใหญ่ เอาบทเรียนของตนเตือนใจผู้อื่น เกิดคุณด้วยการเอาความถูกต้องผันความชั่วร้าย เราจะกราบเรียนท่านอาวุโสเพื่อจัดการเรื่องนี้ต่อไป
วิญญาณ : คู่หมายที่ข้าจะแก้แค้น ครั้งที่แล้วเอามันไม่ตาย มันรอดไปได้ ฮึ
เตี่ยนฉวนซือ : ใครหรือ
วิญญาณ : หลายครั้งก่อนเคยมาโมริเชียส มันเป็นเตี่ยนฉวนซือ รถเกิดอุบัติเหตุ นั้นแหละข้าเป็นคนจัดการเอง
เตี่ยนฉวนซือ : ไช่เตี่ยนฉวนซือ งั้นหรือ
วิญญาณ : นั้นแหละ
เตี่ยนฉวนซือ : เธอเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า ชาติก่อนก็เป็นบุคคลสำคัญด้วยหรือไง ชื่ออะไร
วิญญาณ : ไม่มีชื่อเสียงสำคัญ เป็นแค่ขันทีเล็กๆ ทำหน้าที่รายงานข่าวสาร ไปหาข้อมูลในหนังสือประวัติศาสตร์ดูซิ
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่มีหนังสือข้อมูลอยู่ที่นี่ เธอมีหน้าที่รายงานข่าวสารให้ใคร
วิญญาณ : ไม่ใช่ให้ข้า มันเป็นขันทีเล็กๆ ติดตามฮ่องเต้
เตี่ยนฉวนซือ : ในหนังสือบันทึกไว้ว่า เจ้าตายอย่างน่าอนาถ เป็นกรรมสนองที่สมควรได้รับทีเดียว
วิญญาณ : ก็เพราะมันเป็นคนไปรายงานต่อฮ่องเต้
เตี่ยนฉวนซือ : เปิดโปงแผนชั่วร้ายของเจ้า จนเจ้าต้องตายอย่างอนาถใช่ไหม
วิญญาณ : ฮึ ข้าจะรับธรรมะเดี๋ยวนี้ได้ไหม
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้ ต้องสำนึกขอขมาเบื้องบาทพระก่อน
วิญญาณ : ต้องสำนึกขอขมายังไง ข้าจะขอรับธรรมก็ไม่ให้ ตอนนี้ข้ามีกายสังขารให้ใช้แล้ว
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้ นี่เป็นกายสังขารของดรุณีร่างทรง เจ้าขอยืมใช้ได้ชั่วขณะเท่านั้น
ครั้งนั้นเจ้าเหิมเกริมบงการซูสีไทเฮาให้ปลุกปั้นการปกครอง ทำให้กองทหารแปดประเทศพร้อมกันยาตราทัพเข้าประเทศจีน กลิ่นคาวเลือดท่วมแผ่นดินจีน ประชาชนนับสิบล้านต้องประสบทุกข์ภัย เจ้ายังไม่สำนึกโทษ
วิญญาณ : ข้าไม่เกี่ยว มันเป็นชะตากรรมของประเทศ เข้าใจไหม
เตี่ยนฉวนซือ : ชะตากรรม มันเกิดจากการกระทำของคนนำมา เจ้าก็เป็นหัวโจกผู้ร้ายคนหนึ่ง จนบัดนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความเจ้าเล่ห์โหดเหี้ยม น่าชังจริงๆ
วิญญาณ : อย่าทำเกรี้ยวกราดกับข้านะ ครั้งนั้นมีแต่ข้าเท่านั้นที่อยู่ในฐานะจะเกรี้ยวกราดกับใครๆได้
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ใช่เกรี้ยวกราด แต่จะเตือนสติดื้อด้านของเจ้า อย่าพลาดโอกาสอันเป็นวิเศษนี้ รับขอขมาสำนึกบาปเสีย
วิญญาณ : นี่แหละคือนิสัยของข้าเสี่ยวหลี่จื่อ ฮึ...
เตี่ยนฉวนซือ : โทษทันฑ์จากนรกยังเป็นบทเรียนไม่พออีกหรือ เฮ้อ แรงกรรมช่างน่ากลัวเหลือเกินพอได้พักทรมานชั่วขณะสันดานเดิมก็ปรากฏอีกแล้ว
วิญญาณ : ข้าจะรับธรรมะ
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้
วิญญาณ : ทำไมไม่ได้ ข้าเปิดเผยเรื่องราวตั้งมากมายให้ฟังแล้ว
เตี่ยนฉวนซือ : เบื้องบนส่งเจ้าให้มาปรากฏ ไม่ใช่ให้มารับธรรมะ อย่าให้ผิดต่อพระประสงค์อันแยบยลนี้ จะเอามาเป็นข้อต่อรองไม่ได้
วิญญาณ : ใครมีทองคำ ขอยืมให้ข้ารับธรรมะหน่อย
เตี่ยนฉวนซือ : ขอโทษ วิถีธรรมะไม่ได้ซื้อด้วยทองคำ เจ้าจะรับธรรมะ จะต้องเบื้องบนประทานอนุญาต พระอาจารย์โปรดบัญชาและท่านธรรมอธิการ รองธรรมอธิการของเราจัดการให้ นี่เป็นการปกครองด้วยคุณสัมพันธ์ของอาณาจักรธรรม จะให้ด้วยเสน่หาเป็นการส่วนตัวไม่ได้ ขอโทษ เราไม่อาจทำตาม
วิญญาณ : ดูดูแล้วเจ้าเล่ห์ที่สุดคือแก หลอกให้ข้าเล่าความเป็นมาตลอดเวลา เล่าหมดแล้ว ก็ไม่ยอมให้ข้ารับธรรมะ ไอ้พวกนั้นล่ะ ทำไมรับกันได้ (ชี้ไปที่ญาติธรรมทั้งหลาย)
เตี่ยนฉวนซือ : เขาเหล่านั้นบางคนนอกจากจะต้องมีพุทธสัมพันธ์ มีรากฐานบุญบารมี มีบารมีคุณจากบรรพบุรุษ และยังจะต้องมีกายสังขาร มีผู้นำพารับรอง
วิญญาณ : พวกแกก็เป็นผู้นำพารับรองข้าซิ
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ได้วิญญาณผีเจ้ากรรมนายเวรจะรับธรรม ถ้าไม่มีพระโองการสวรรค์บัญชาไม่ได้รับอนุญาตจากเหล่าเฉียนเหยิน เฉียนเหยิน เป็นไม่ได้ กฎเกณฑ์มีอยู่ขออภัยด้วย
วิญญาณ : โกหก หลอกลวง...ฮือ ฮือ พวกแกได้แต่หลอกลวง
เตี่ยนฉวนซือ : เราหวังว่าทุกคนจะไดรับการฉุดช่วยแล้วทำไมจะไม่คิดช่วยเหลือเจ้า สภาพฐานะของเจ้าต่างต่างกับเขาอื่น รอรับส่วนบุญไปก่อนเถิด
วิญญาณ : ก็ตอนนี้ข้ามีกายสังขารแล้วไม่ใช่หรือทำไม่รับไม่ได้ ฮือ
เตี่ยนฉวนซือ : อยู่ถูไถอย่างนี้ ทำให้ร่างกายดรุณีร่างทรงบอบช้ำ หลี่เหลียนอิง เลิกหาเรื่องวุ่นวายได้แล้ว
วิญญาณ : ไม่เคยมีใครกล้าเรียกชื่อข้าอย่างนี้มาก่อนเลย แกกล้าดียังไง เฮ้ย ทหาร ลากคอมันไปบั่นเสียเดี่ยวนี้
เตี่ยนฉวนซือ : มีประโยชน์อะไรที่เจ้ายังจะถืออำนาจในครั้งนั้นอยู่ อย่าถลำลงทะเลทุกข์อีกเลย เรื่องราวของเจ้าวันนี้กับเรื่องของหลี่หลินฝู่ เราจะกราบเรียนให้ท่านอาวุโสได้โปรดตรวจสอบแล้วเปิดเผยต่อสายตาชาวโลก เป็นส่วนบุญที่เจ้าจะได้รับ เจ้าไม่ยินดีหรือ หลี่เหลียนอิง
วิญญาณ : เจ้ายังจะกล้าเรียกชื่อแซ่ของข้าเต็มคำอีก ทหารวัง ! เอามันไปฆ่าล้างโคตรเก้าโคตร
เตี่ยนฉวนซือ : เฮ้อ มันน่าโมโหและน่าขัน ครั้งนั้น ก็เพราะเจ้าลุแก่โทสะอำนาจอย่างนี้ เอาละ ท่านขันทีหลี่ผู้ตรวจการใหญ่ อย่าหลงตัวและพาตัวหลงต่อไปอีกเลย
วิญญาณ : เวลาของข้าใกล้จะหมดแล้ว ที่ข้ามาวันนี้ หนึ่งเพื่อบอกข่าว สองเพื่อมาขอรับธรรมะ
เตี่ยนฉวนซือ : สะพานคือสะพาน หนทางคือหนทาง จะว่าเป็นเรื่องเดียวกันไม่ได้
วิญญาณ : ที่นี่มีทั้งอาจารย์ถ่ายทอดฯ อาจารย์บรรยายฯและเจ้าตำหนักพระจะนำพารับรองช่วยให้ข้ารับธรรมะสักหน่อยไม่ได้หรือ
เตี่ยนฉวนซือ : เหลวไหล การถ่ายทอดวิถีธรรมจะทำลวกๆอย่างนี่ได้อย่างไง
วิญญาณ : ดีละ ถ้าไม่ได้ ทหารวัง ! มาลากคอมันไปบั่นเสียเดี๋ยวนี้ ฆ่าล้างเก้าโคตรของมันด้วย
เตี่ยนฉวนซือ : เจ้ายังหลงผิดว่าเป็นสมัยวังหลวงจื่อเจิ้นเฉิงหรือ เอะอะอะไรก็ให้ล้างเก้าโคตร
วิญญาณ : เวลาของข้าจะหมดแล้ว ให้ข้ารับธรรมะเถิด ฮือ.....
เตี่ยนฉวนซือ : ดูความอำมหิตของเจ้าซิ พวกเราเพียงแต่รักษากฎสวรรค์ รักษาพุทธระเบียบให้เจ้ารับธรรมะไม่ได้ เจ้าก็ร้องจะฆ่าล้างเก้าโคตร แล้วในครั้งนั้นที่เจ้าล้างเขานับหมื่นพันชีวิต ผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นตามทวงหนี้เจ้าล่ะ มิเป็นหนี้เลือดกันไม่น้อยหรือ
วิญญาณ : เป็นบัญชีมากมายนับไม่ถ้วนเลย............
เตี่ยนฉวนซือ : นั้นนะซิ เจ้าก็รู้ดี แล้วทำไม่ไม่สำนึกขอขมาเสียเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางพ้นจากนรกได้นะ......
วิญญาณ : ตอนนี้ข้าก็รับโทษในนรกอยู่แล้ว ข้ายังทรมานไม่ถึงร้อยปี หลี่หลินฝู่ก็ยังไม่พ้นข้าอำมหิตกว่ามันมาก....ฮือ
เตี่ยนฉวนซือ : เฮ้อ คิดผิดชั่ววูบ สร้างบาปเวรให้หมกไหม้นับพันหมื่นกัป คนที่มีสิทธิอำนาจในโลกไม่รู้จักสร้างบุญสร้างคุณความดีไม่สบอารมณ์ตน ก็คิดฆ่าทำลาย เรื่องนี้เป็นบทเรียนอาบเลือดแท้ๆ ผู้ตรวจการหลี่ หากเจ้าไม่ยอมอภัยให้ผู้อื่น จากผลกรรมที่เจ้าทำมา เจ้าก็จะหนีไม่พ้นถูกเขาติดตามสังหาร สำนึกบาปขอขมากรรมเสียเถิด....
วิญญาณ : กล้าพูดอย่างนี้กับข้าเชียวหรือ ทหารวัง! ลากคอมันไปบั่นเดี๋ยวนี้
หลายคน : (พูดพร้อมกัน) ที่นี่เป็นตำหนักพระนะ ไม่ใช่ราชฐานชั้นในของสมัยนั้น อย่าหาเรื่องวุ่นวายนะ
วิญญาณ : ไอ้ทหารวัง! ทำไม่ไม่ลากคอมันไปฆ่าฮือ ฮือ ช่วยข้าหน่อยได้ไหม ให้ข้ารับธรรมะเถิด เป็นครั้งแรกที่ข้าคุกเข่าให้คนอื่น ให้ข้าได้รับธรรมะเถิดได้ไหม ฮือ ฮือ ......
เตี่ยนฉวนซือ : ขออภัยจริงๆ มันไม่ถูกต้องกับพุทธระเบียบกฎเกณฑ์ ขออภัยที่ทำให้ไม่ได้
วิญญาณ : ข้าไม่อาจเกิดกายเป็นคนได้อีกแล้ว แม้จะได้เกิดเป็นคนก็ไม่อาจพบวิถีธรรมได้ สามค่ำเดือนสามที่จะถึงนี้เวลาเที่ยงคืน ข้าจะต้องไปเกิดกายเป็นหมูแล้ว รู้ไหม ข้าถูกตัดสินให้เกิดเป็นหมูสามชาติ เกิดเป็นไก่ห้าชาติ จากนั้นก็เกิดเป็นมดปลวกแมลง เป็นญาณแตกกระจายตลอดไปไม่มีทางพ้นทุกข์ได้อีกเลย ฮือ....ถ้าแกรับปากให้ข้ารับธรรมะ ข้าก็จะไม่ฆ่าล้างเจ้าเก้าโคตรรดีไหม ฮือ....ข้าหลี่เหลียนอิงจะเกิดเป็นหมูไม่ได้ จะเกิดเป็นไก่ไม่ได้ ข้าไม่เอา ฮือ....
เตี่ยนฉวนซือ : มาสำนึกเอาตอนนี้ได้ก็ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย ที่พวกเราจะช่วยเจ้าได้ก็คือ ขอให้เจ้าดับเพลิงแค้น ให้สำนึกขอขมาจริงๆจะได้ช่วยลดหย่อนกำหนดโทษการเวียนว่ายของเจ้าได้
วิญญาณ : ข้าหลี่เหลียนอิงไม่ใช้จะเป็นหมูเป็นหมูเป็นไก่ได้นะ ราศีของข้าจะต้องเป็นฮ่องเต้ ข้ายังจะต้องทำงานใหญ่เกรียงไกรอีก ข้าไม่ยอม
เตี่ยนฉวนซือ : ฮึ ใจของสุนัขจิ้งจอกอยากจะแย่งชิงบัลลังก์ จึงหาทางตายให้แก่ตัวเองจนได้
วิญญาณ : ก็เพราะมันเปิดโปงแผนการชิงบัลลังก์ของข้า มันแอบไปทูลฮ่องเต้ ข้าจึงต้องตายอย่างอนาถ ข้าไม่อยากเป็นหมู ข้าหลี่เหลียนอิงจะต้องเป็นฮ่องเต้.....
เตี่ยนฉวนซือ : ไม่ทันการแล้ว รับโทษตามกฎสวรรค์ไปเถิด เมื่อกี้บอกให้ หวังให้เจ้าท่องจำคือ
นโมอมิตตพุทธ นโมอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ นโมพระพุทธกษิติครรภ์ นโมพระพุทธจี้กง หากสำนึกจริงภาวนาขออำนาจพุทธคุณเพิ่มพูนความใสสว่างของจิตญาณได้บ้าง ก็จะทำให้การเกิดเป็นหมูสามชาติ เกิดเป็นไก่ห้าชาติของเจ้าล่วงพ้นได้ก่อนกำหนด และไม่แน่อาจจะลดหย่อนกำหนดโทษอันยาวนานของการเกิดเป็นแมลงด้วยก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามเหตุแห่งกรรมนั้นได้ตกผลแล้ว เจ้าก็ต้องยอมรับกำหนดตัดสินของเบื้องบนไป ไม่มีทางแก้ไขได้แล้ว.....จำไว้นะ ท่องพระนามพระพุทธไปเรื่อยๆ
วิญญาณ : เวลาของข้าหมดแล้ว ข้าขอรับธรรมะโอย โอย...... วิญญาณผีได้รวมเอาสวรรค์ นรกและโลกมนุษย์ไว้ในมิติเดียวกัน เป็นเรื่องเหลือเชื่อและเรื่องเขย่าขวัญได้มากจริงๆ บรรพอริยะตรัสไว้ว่า แม้มิอยากต้องรับโทษในที่แจ้ง ก่อนอื่นจะต้องไม่มีสิ่งน่าละอายในที่ลับ เป็นสัจวาจาโดยแท้
เตี่ยนฉวนซือ : พระองค์จอมเทพวินัยธรได้โปรดเถิดอย่าเพิ่งลงโทษเขาเลย ผู้ตรวจการหลี่จำไว้นะ สำนึกขอขมานะ ท่องพระนามพระพุทธะด้วยความจริงใจนะ (วิญญาณผีของหลี่เหลียนอิงถอนออกไปพร้อมกับเสียงงร้องที่สุดแสนเจ็บปวดทรมาน...) พวกเราต่างก็ช่วยกันอุ้มรางแน่นิ่งของดรุณีร่างทรงให้เข้าไปพักฟื้นในห้อง ทุกคนยังใจเต้นระทุกอยู่กับเหตุการณที่เพิ่งผ่านไป แล้วทันใดนั้นโดยไม่นึกฝัน พระอาจารย์ของเราก็ประทับทรงลงมาทันที
ศิษย์ทั้งหลาย เจ้าตกใจ กลัว เวทนา หรือว่าเจ็บปวดเมื่อได้เห็นชีวิตที่ตกต่ำ เห็นเภทภัยในโลกนี้ เมื่อเห็นศิษย์ได้รับทุกข์ เดินๆ หยุดๆ ไม่แน่นอนในการบำเพ็ญ จะไม่ให้อาจารย์เสียใจได้อย่างไร กาลเวลาของโลกขับขันอย่างนี้ ภัยพิบัติใกล้เข้ามาแล้วขณะ ไม่ปฏิบัติบำเพ็ญอีกก็จะไม่ทันการเสียแล้ว รู้ไหม
กำหนดกาลของฟ้าได้กระชั้นเข้ามา จากสิบสองปีทอนลงมาเหลือหกปีเท่านั้น ลองนับดูซิยังเหลือเวลาถ่ายทอดได้อีกนานเท่าไร การบำเพ็ญต้องจริงใจ เป็นจริงด้วยตัวเอง มีเท่าไรก็ทำเท่านั้น อุทิศให้เท่านั้น เมื่อเจ้ากรรมนายเวรประชิดเจ้า อาจารย์ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ขอร้องเขาได้เท่าไหร่ก็ขอร้องไป ต้านเขาไว้ได้เท่าไรก็ต้านไป ถ้าต้านไว้ไม่อยู่......ศิษย์เอ๋ย เจ้าก็จงยินยอมรับไปเถิด ถ้าเท่ากับจบสิ้นเวรกรรมกันไป....
เบื้องบนได้โปรดเมตตาต่ออาณาจักรธรรมของพวกเจ้าไม่น้อยทีเดียว หลี่หลินฝู่กับหลี่เหลียนอิงต่างก็มาปรากฏให้ประจักษ์ชัดแล้ว หากไม่สร้างสรรค์งานธรรมะให้ดีต่อไป อาจารย์ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
กาลเวลาขันขันมาก เหล่าเฉียนเหยิน เฉียนเหยินของพวกเจ้าจะยังคุ้มครองนำพาพวกเจ้าได้อีกนานเท่าไร หากไม่รักดีไม่ร่วมแรงร่วมใจ ไม่ยืนหยัดเข้มแข็งเอง อาจารย์ยังจะช่วยอะไรเจ้าได้
เจ้าทั้งหลายยินดีจะออกมาทำงานธรรมะกันไหม (ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่ายินดี)
กิจการอาชีพกับงานธรรมะต้องแยกกันให้ถูก เพียงแต่เจ้ายินดีปฏิบัติบำเพ็ญ อาจารย์ก็ยินดีจะแบกรับแทนเจ้า แต่เจ้าจะต้องแบกรับแทนคนทั้งหลาย เสริมส่งใจธรรมะของพวกเขา อย่างกังวลเรื่องที่บ้าน แม้วันใดจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วง ดังคำว่า ใครทำใครรับ ถ้าหมดหนี้เวรกรรม ก็กลับไปได้แล้วไม่ใช่หรือ จะต้องเหมือนบรรพอริยะท่านบำเพ็ญ เมื่อเห็นจดหมายจากทางบ้าน คำว่า ปกติสุข ท่านก็ไม่ห่วงอีกเลยมุ่งบำเพ็ญแต่อย่างเดียว อยากทำงานธรรมะจริงใจ เต็มกำลัง เป็นใช้ได้อย่าติดที่ทำได้มากน้อยแค่ไหน ไม่สำคัญ
ในสมัยอาจารย์ ไม่มีฐานอาณาจักรธรรมสักกี่แห่ง แต่พวกเจ้าบุกเบิกไปถึงต่างประเทศ ทำได้ดีกว่าพระอาจารย์ไม่ใช่หรือ (ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นคุณบารมีของพระอาจารย์ พระองค์ได้โปรด) ทำได้ไม่ดีไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำคัญอยู่ที่ว่าเคยทุ่มเทจิตใจเท่าไร วันข้างหน้าการทดสอบในวงการธรรมะจะเกิดขึ้นมากมาย ทุกคนต้องเผชิญหน้าให้ดี บำเพ็ญจริงตามหลักสัจธรรม ไม่โลภไม่ระเริง รักษาสัจปณิธานไว้
(พระอาจารย์เรียกพุทธบริกรชาวไต้หวันและมาเลเซียเจ็ดคนเบาๆ) มานี่ อาจารย์ได้เตรียมน้ำทิพย์ไว้ให้พวกเจ้า กราบขอขมาพระมหากรุณาธิคุณพระแม่องค์ธรรมเสียก่อน ส่วนญาติธรรมใหม่ๆ ก็จะแจกผลไม้ทิพย์ให้ วันเวลาที่อาจารย์จะประทับทรงมีไม่มาก ทุกอย่างจะต้องส่งเสริมตัวเองให้ดี คนทำงานธรรมะจะต้องปรึกษาหารือขัดฝนซึ่งกันและกัน อะลุ้มอล่วยกัน ตัวเองยอมรับทุกข์ ให้ผู้อื่นได้สุข อาจารย์ไม่มีกายสังขารแล้วพวกเจ้าจะต้องทำหน้าที่ไปดูแลคนทั้งหลาย อาจารย์จะแบกรับแทนพวกเจ้า แต่พวกเจ้าจะต้องแบกรับคนทั้งหลาย ได้ไหม ?
ช่วยอาจารย์ส่งเสริมนำพาคนทั้งหลาย ทำได้มากน้อยไม่เป็นปัญหา ถ้าหากในการประชุมอบรมธรรมะ มีผู้เข้าอบรมสามร้อยกว่าคน แต่ที่เอธิโอเปียมีพี่น้องของเราต้องตายไปวันละหลายพันคน ถามว่าเราจะสบายใจไหม ให้ตั้งใจปฏิบัติบำเพ็ญจริง ทุ่มเทจริง ภายหน้าไม่ใช่กำหนดมรรคผลจากผลงานที่ปฏิบัติธรรม แต่จะต้องรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ว่าชีวิตน้อยใหญ่ล้วนแต่ทุกข์ยาก ใช้กุศลจิตอุทิศให้ชีวิตทั้งหลายที่จะต้องตกอยู่ในความทุกข์ ภาวนาให้เขาทำหน้าที่รับผดชอบชีวิตเขาให้เต็มที่ เอากุศลจิตไม่จบสิ้นไปสัมผัสรับรู้พระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนและพระมหาเมตตาของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย
เหตุการณ์กฎแห่งกรรมทั้งสองเรื่องนี้บันทึกเรียบเรียงให้อาวุโสของพวกเจ้าตรวจสอบเพื่อรีบพิมพ์ออกเตือนใจผู้คน และจะได้อุทิศให้วิญญาณหลี่หลินฝู่กับหลี่เหลียนอิงเร็ววัน
เอาละอาจารย์จะไปละ ขอให้พวกเจ้ารักษาตนให้จงดี อุ้มชูชีวิตน้อยใหญ่ให้ดี บำเพ็ญให้ดี อาจารย์จะอวยชัยให้เจ้าตลอดไป
สุดท้าย : ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของเบื้องบน คุณพระอาจารย์สูงส่ง เราศิษย์โง่เหล่านี้ได้เติบโตขึ้นภายใต้บารมีคุณของพระองค์ ได้ปฏิบัติบำเพ็ญ แต่เราสักกี่คนที่รู้ได้พระคุณ สำนึกตอบแทนพระคุณและสนองตอบกตัญญู คิดแล้วละอายนัก
จากการปรากฏของหลี่หลินฝู่ หลี่เหลียนอิง ทำให้ได้รู้ว่าเบื้องบนก็ยังเวทนาสงสาร ทรชนชั่วชาติบาปหนาไม่น้อย เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกพระแม่องค์ธรรมผลกรรมจากความชั่วช้าของพวกเขาเหล่านั้นได้ปลุกให้ชาวโลกที่ยังละล้าละลัง คนที่อยู่ในความเหลวแหลกไห้ตื่นขึ้น เพื่อสร้างคุณสัมพันธ์การปกครองอันดีงามระหว่างกัน สร้างระเบียบความดีงามสมานฉันท์ขึ้นใหม่ อีกทั้งให้วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายในนรกได้สบโอกาส เมื่อหลังจากรับผลจากกฎแห่งกรรมแล้วมีทางจะหลุดพ้นได้
เบื้องบนไม่มีอารมณ์ผูกพัน แต่ก็มีเยื่อใย ไม่เห็นในความเมตตา แต่ก็เมตตาด้วยบารมีคุณ เช่นนี้ จะไม่ให้เทิดทูน ได้อย่างไร หวังว่าผู้ร่วมบำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาว ผู้มีคุณงามสูงส่ง ปราชญ์เมธา กุลบุตรกุลธิดาทั้งหลาย ในช่วงสุดท้ายของโลกเราจะได้ร่วมคุณงามน้ำใจ รู้จักเมตตา ให้อภัยเพื่อฉุดช่วยชีวิตที่ประสบเพทภัย ที่ต้องเวียนว่ายในชีววิถีหกหวังว่าเขาเหล่านั้นจะได้รับความสงบสุขและหลุดพ้น
เชิญชม วีดีโอ ชีวิตที่ร่ำไห้ ตอนที่ 1
เชิญชม วีดีโอ ชีวิตที่ร่ำไห้ ตอนที่ 2
เชิญชม วีดีโอ ชีวิตที่ร่ำไห้ ตอนที่ 3 (ต่างกันในกาย)
เชิญชม วีดีโอ ชีวิตที่ร่ำไห้ ตอนที่ 4 (จบ)
เชิญชม Wallpapers มาสคอตโอลิมปิกปักกิ่ง 2008 ,สนามกีฬาโอลิมปิกต่างๆ และภาพกีฬาโอลิมปิก 2008
เชิญชม Wallpapers พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008
เชิญชม Wallpapers ภาพกีฬามันส์ ๆ ในปักกิ่งเกมส์ 2008
เชิญชม Wallpapers พิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008
เชิญชม Wallpapers ภาพกีฬาพาราลิมปิก 2008
เชิญชม Video กีฬาโอลิมปิก 2008 ปักกิ่งเกมส์
ชม วิดีโอหนังภาพยนตร์
Dragonball Z ตอนที่ 238 - ฝันร้ายรอบสอง จอมมารบูยังไม่ตาย
Dragonball Z ตอนที่ 239 - พวกบีเดลก็สู้เต็มที่ ต้องตามหาดราก้อนบอลให้ได้
Dragonball Z ตอนที่ 240 - ความหวังมาแล้ว ท่าไม้ตายใหม่ของพวกตัวจิ๋ว
Dragonball Z ตอนที่ 241 - โกเทน ทรังก์ ถูกหมายหัวไปทั่วโลก
Dragonball Z ตอนที่ 242 - โกฮังคืนชีพอาวุธลับของท่านมหาเทพ
Dragonball Z ตอนที่ 243 - ดึงออกแล้วดาบแซดในตำนาน
Dragonball Z ตอนที่ 244 - เมืองหลวงทางตะวันตกอยู่ในอันตรายต้องหยุดจามมารบู
Dragonball Z ตอนที่ 245 - การแปลงร่างที่หน้าตกใจ ซุปเปอร์ไซย่า 3
Dragonball Z ภาค จอมมารบู ตอนที่ 1 - บ๊ายบายบาบีดี้จอมมารบูทรยศซะแล้ว
Dragonball Z ภาค จอมมารบู ตอนที่ 2 - น่าเกลียดชะมัด ฝึกท่าพิเศษท่าโพสแปลงร่างที่ทุเรศเกินทำใจ
Dragonball Z ภาค จอมมารบู ตอนที่ 3 - แล้วเจอกันนะทุกคน โงกุนกลับโลกหน้า
Dragonball Z ภาค จอมมารบู ตอนที่ 4 - โกฮังกับการฝึกมหาโหดบนดาวอาณาจักรมหาเทพ
Dragonball Z ภาค จอมมารบู ตอนที่ 5 - โกหกน่าดาบแซดนะ หักซะแล้วหรอนี่
Dragonball Z ภาค จอมมารบู ตอนที่ 6 - ยอดมนุษย์รวมร่างมาแล้ว เขาชื่อว่าโกเท็นครูซ
The Forbidden Kingdom เฉินหลง ปะทะ เจ็ทลี (1)
The Forbidden Kingdom เฉินหลง ปะทะ เจ็ทลี (2)
The Forbidden Kingdom เฉินหลง ปะทะ เจ็ทลี (3)
The Forbidden Kingdom เฉินหลง ปะทะ เจ็ทลี (4)
The Forbidden Kingdom เฉินหลง ปะทะ เจ็ทลี (5)
The Forbidden Kingdom เฉินหลง ปะทะ เจ็ทลี (6)
The Forbidden Kingdom เฉินหลง ปะทะ เจ็ทลี (7)
The Forbidden Kingdom เฉินหลง ปะทะ เจ็ทลี (8)
หนังตัวอย่าง เบื้องหลัง The Forbidden Kingdom - behind the scene
|