เดินตามรอยพระพุทธองค์
ผู้สนใจในการปฏิบัติสมาธิภาวนา ถ้าหากท่านสงสัยข้องใจ ในหลักและวิธีการปฏิบัติ จะภาวนาพุทโธดีไหม ยุบหนอ-พองหนอ ดีไหม สัมมาอรหังดีไหม ถ้าตัดสินใจไม่ลง
ก็ให้เอาอย่างสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ กำหนดรู้ลม อานาปานสติ ซึ่งเป็นธรรมชาติ ของร่างกาย แล้วก็กำหนดรู้ความคิดซึ่งเป็นธรรมชาติของจิต ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงปฏิบัติมาแล้วก็ได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ข้อที่เราควรคิด เมื่อก่อนที่พระพุทธเจ้าท่านยังไม่เกิด คำว่า พุทโธ ก็ไม่มี สัมมาอรหัง ก็ไม่มี ยุบหนอ-พองหนอ ก็ไม่มี เพราะ ๓ คำนี้เป็นคุณสมบัติของพระพุทธเจ้าโดยตรง เมื่อพระพุทธเจ้าไม่มี คำ ๓ คำนี้ก็ไม่มี เมื่อเป็นเช่นนั้น
พระพุทธองค์เอาอะไรมาท่องมา บ่นมาบริกรรมภาวนา จนใจไม่มีอะไรจะมาท่อง พระองค์จึงยึดหลักธรรมชาติที่มีอยู่ในกายในใจของพระองค์ ๒ อย่าง คือ เริ่มจับ ลมหายใจเป็นอารมณ์ เมื่อขณะที่จิตของพระองค์อยู่กับลมหายใจ พระองค์ก็ปล่อยให้มันอยู่เรื่อยไป แต่ในบางช่วง จิตเกิดความว่าง พระองค์ปล่อยให้ว่าง แต่บางช่วงจิตมันเกิดความคิด
พระองค์ปล่อยให้คิด พระองค์มีพระสติกำหนดรู้อยู่ที่ลมหายใจ ความคิด ความ ว่าง ลมหายใจ ความคิด ความว่าง จนกระทั่งปฏิบัติต่อเนื่องกันเกิดพลังทางสมาธิทางสติเข้มแข็ง ในที่สุดจิตจะไปจับอย่างใดอย่างหนึ่งเหนียวแน่น แต่จิตของพระพุทธเจ้าจับลมหายใจแล้ว ก็ตามลมหายใจเข้าไปรู้ภายในกาย พอทิ้งกายไปแล้วก็ไปตรัสรู้เป็น โลกวิทู ผู้รู้แจ้งโลก
ทีนี้สำหรับนักปฏิบัติในปัจจุบันนี้ ถ้าหากสงสัยข้องใจตามหลักและวิธีการ ก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจ ถ้าหากว่าใครไม่กำหนดลมหายใจ เวลานั่งสมาธิถ้าขี้เกียจนึกถึงลมหายใจ ขี้เกียจกำหนดอะไร ก็ให้กำหนดสติรู้อยู่ที่จิตเพียงอย่างเดียว ถ้าจิตอยู่นิ่งๆ ปล่อย ให้นิ่งไป ถ้าจิตคิดปล่อยให้คิด เราเอาสติตัวเดียวเท่านั้นตามรู้
ทีนี้หลักการปฏิบัติโดยทั่วๆ ไป โดยไม่จำกัดกาลเวลา อันนี้เป็นการให้โอกาสแก่ผู้ที่มีธุรกิจยุ่งยาก ซึ่งอาจจะเกี่ยงว่าไม่มีเวลาจะปฏิบัติสมาธิ ถ้าต้องการจะปฏิบัติสมาธิให้ทำอย่างนี้ ให้ท่านพยายามฝึกสติให้รู้อยู่กับการทำ การพูด การคิด ทุกขณะจิต ทุกลมหายใจ
ถ้าเวลาท่านยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด จัดเป็นการกระทำ ให้ท่านมีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าท่านจะทำอะไร เมื่อเวลาท่านพูดก็ให้มีสติรู้อยู่กับการพูด เวลาท่านคิดก็ให้มีสติรู้อยู่กับการคิด เอาอารมณ์ในปัจจุบันนี่ เรื่องชีวิตประจำวันในปัจจุบันเป็นอารมณ์จิต ถ้าท่านพยายามปฏิบัติต่อเนื่องกันทุกขณะจิต ทุกลมหายใจ เวลานอนลงไป จิตมันคิดอะไรปล่อยให้มันคิดไป
แต่ให้มีสติกำหนดตามรู้ไปจนกว่าจะนอนหลับ ถ้าปฏิบัติต่อเนื่องกันทุกวันๆ รับรองว่าได้สมาธิอย่างแน่นอน สมาธิที่ท่านยึดเอาเรื่องชีวิตประจำวันเป็นอารมณ์ในการภาวนา เมื่อได้สมาธิแล้ว ท่านจะไม่มีเบื่อการเบื่องาน ท่านจะได้พลังจิต พลังสมาธิ พลังสติปัญญา เพื่อรับผิดชอบในธุระหน้าที่การงานของท่านอย่างเต็มภาคภูมิใจ
ธุรกิจ การงานอันใดที่เคยยุ่งๆ มาก่อน เมื่อท่านปฏิบัติสมาธิแบบนี้คล่องตัว เมื่อท่านเผชิญกับเหตุการณ์ที่ยุ่งๆ ท่านจะรู้สึกว่าไม่ยุ่ง เมื่อท่านนึกจะคิดอะไร วิจัยอะไร จิตของท่านจะปฏิวัติตัวไปเองโดยอัตโนมัติ อันนี้ลองๆ ไปปฏิบัติดู
ถ้าเราจะมาเอาสมาธิเฉพาะเวลานั่งหลับตากำหนดจิตบริกรรม ภาวนาอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องปฏิบัติทุกขณะจิตทุกลมหายใจ ด้วยการฝึกจิตให้มีสติรู้อยู่กับเรื่องชีวิตประจำวันในปัจจุบันเท่านั้น
|