ช่วยกันรักษาวงศ์สกุลพระพุทธศาสนา
ในทางศาสนา พระพุทธเจ้าเคยเทศน์เอาไว้ว่า ศาสนาของ เราตถาคตจะเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงสืบไป ก็อาศัยพุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ยังเป็นผู้สนใจศึกษาธรรมวินัย อัน เป็นคำสั่งสอน แล้วก็น้อมนำมาประพฤติปฏิบัติ ฝึกหัดดัดกาย วาจา ใจ ของตน
ให้เป็นไปตามระเบียบแห่งพระธรรมวินัยนั้นๆ โดยไม่ ขาดตกบกพร่อง ศาสนาของเราตถาคตก็จะเจริญรุ่งเรือง อย่าว่าแต่ ๕,๐๐๐ ปี ถ้าหากมีพุทธบริษัทปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ตราบใด ศาสนา ของเราตถาคตก็จะเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงอยู่ตราบนั้น ดังนั้น ความ เสื่อมความเจริญของศาสนาของเราตถาคต
ก็ขึ้นอยู่กับพุทธบริษัท ๔ ไม่มีใครจะมาทำให้ศาสนาของเราเสื่อมได้นอกจากพวกเราเอง
อันนี้ก็แสดงว่า พุทธบริษัทก็เป็นลูกตระกูลหนึ่ง เป็นลูกใน ตระกูลพระพุทธศานา ดังนั้น พระพุทธศาสนาจะเสื่อมหรือเจริญ ก็ อยู่ที่พวกเราซึ่งเป็นกุลบุตรกุลธิดาในตระกูลของพระพุทธเจ้า
สมณะศากยบุตร เราบวชเป็นสมณะ เป็นบุตรของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นพระบิดาของเรา เวลานี้องค์พระพุทธเจ้าที่ เป็นเนื้อหนังไม่ปรากฏแก่เรา แต่คำสอนของพระองค์ยังปรากฏอยู่ ครบถ้วนบริบูรณ์ ธรรมวินัยยังบริบูรณ์ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗
ก็บริบูรณ์ไม่ขาดตกบกพร่อง หลักและวิธีการเจริญสมาธิ ภาวนาเพื่อให้สำเร็จมรรคผลนิพพานก็ยังมียังสมบูรณ์ ไม่ขาดตก บกพร่อง
เพราะฉะนั้น แม้ว่าเราจะอยู่เป็นนักบวชก็ตาม สึกไปเป็นคฤหัสถ์แล้วก็ตาม ขอให้ยึดมั่นถือมั่นในการเจริญพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ คือ สวดอิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปันโน แล้วก็เจริญเมตตา พรหมวิหาร เสร็จแล้วแผ่ส่วนกุศลให้สรรพสัตว์ทั้งหลายผู้เป็นเพื่อน ทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ให้เป็นผู้มีส่วนแห่งบุญกุศลที่เราได้ทำแล้ว เป็นการผูกมิตรไมตรีกับสัตว์ที่อยู่ในโลกวิญญาณ ภูตผีปีศาจ ถ้าเราดีกับเขา เขาก็ดีกับเรา ถ้าเราร้ายต่อเขา เขาก็ร้ายต่อเรา
สักขีพยานที่ปรากฏในคัมภีร์ มีพระภิกษุกลุ่มหนึ่งจำนวน ๓๐ รูป ไปบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่า ภายในป่านั้นมีภูตผีปีศาจดุร้าย พอ ตกเวลาค่ำคืน ภูตผีปีศาจมันก็ออกมาหลอกมาหลอน แสดงหน้าตา ให้น่าเกลียดน่ากลัว ส่งกลิ่นเหม็นไปตลบบริเวณจนพระทนไม่ไหว ก็ไปกราบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านทรงทราบ
ท่านก็สอนให้พระ ภิกษุเจริญ บทพุทธคุณ คือ อิติปิโส บทธัมมคุณ คือ สวากขาโต บท สังฆคุณ คือ สุปฏิปันโน แล้วให้เจริญเมตตาพรหมวิหาร
เสร็จแล้วก็น้อมจิตน้อมใจ อุทิศส่วนกุศลให้บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย ตลอดจนสัตว์ทั้งหลายผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วย กันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญแห่งกุศลที่ข้าพเจ้าทำนี้ด้วย เทอญ
เวลาน้อมจิตน้อมใจนึก จะกล่าวเป็นคำพูดเบาๆ พอตัวเอง ได้ยิน
“ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญบุญกุศล ได้สวดมนต์ เจริญเมตตาพรหมวิหาร ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลอันนี้ให้แก่บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย ตลอดสัตว์ทั้งหลายผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ตลอดทั้งเจ้ากรรมนายเวร จงอนุโมทนา บุญกุศลที่ข้าพเจ้าให้แล้วนี้ด้วยเทอญ”
อันนี้เป็นหลักปฏิบัติที่เป็นจุดยืนของชาวพุทธ ใครจะมีคาถา อาคมหรือบทสวดอะไร เช่น ชินบัญชร เป็นต้น ก่อนอื่น ให้ตั้งใจ สวดบทดังที่กล่าวมานี้จบไปก่อน แล้วจึงค่อยสวดบทอื่นๆ ถ้าเรา สวดบทดังกล่าวนี้เป็นประจำทุกวันๆ บทอื่นไม่ต้องสวดก็ไม่มีปัญหาอะไร
|