หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมา
เชิญชม การ์ตูนแอนนิเมชั่น  เสี้ยวลิ้มยี่  (The Legend of Shaolin Kung Fu)
เชิญชม VDO น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
เชิญชม ประวัติศาสตร์การเมือง ตอน ปิดตำนานทักษิณ
เจ้าแม่กวนอิม
ชมตัวอย่างภาพยนตร์,หนัง
ฐานิยปูชา ๒๕๕๑

ภาวนาได้ทุกเวลาทุกโอกาส

สำหรับผู้ที่อยู่เป็นฆราวาส ถ้ามุ่งหมายที่จะปฏิบัติธรรมเอาดีกับพระพุทธเจ้า ก็ยึดศีล ๕ เป็นหลักในการปฏิบัติ

การปฏิบัติสมาธิ ฝึกสติ หรือจะบริกรรมภาวนา พิจารณาอะไรก็ได้ อารมณ์ที่เราจะเอามาพิจารณาเป็นอารมณ์ในการปฏิบัติเรื่องชีวิตประจำวัน วิชาความรู้ งานการที่เรารับผิดชอบ จะเป็นอะไรก็ได้ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสภาวธรรม เป็นอารมณ์สิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของสติ

พระพุทธเจ้าปฏิบัติสมาธิ ท่านเอาธรรมชาติของกาย ของจิต เป็นอารมณ์

ธรรมชาติของกายคือลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ท่านกำหนดสติรู้ลมหายใจจนกระทั่งจิตเป็นสมาธิ ถ้าช่วงใดที่จิตอยู่กับลมหายใจ ท่านก็ปล่อยให้มันอยู่ไป ถ้าช่วงใดจิตว่าง พระองค์ปล่อยให้ว่าง ถ้าช่วงใดจิตเกิดความคิด พระองค์ก็ปล่อยให้คิด พระองค์กำหนดสติตามรู้อยู่ที่ ลมหายใจ ความคิดความว่าง ลมหายใจ ความคิด ความว่าง วนเวียนอยู่ใน ๓ จังหวะนี้

ธรรมชาติของจิต ถ้ามีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก เขาจะเพิ่มพลังงานมากขึ้นทุกที แม้แต่ ยืน เดิน นั่ง นอน รับประ ทาน ดื่ม ทำ พูด ก็เป็นการปฏิบัติสมาธิ
เวลาเรานั่งเขียนหนังสือ มีสติรู้อยู่ที่การเขียน
เวลาพูด มีสติรู้อยู่กับการพูด
เวลาคิด มีสติรู้อยู่กับการคิด
เป็นการปฏิบัติกรรมฐานทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น อย่าไปสงสัยข้องใจในอารมณ์ที่พระท่านสอนกัน พุทโธ ดีไหม สัมมาอรหัง ดีไหม ยุบหนอ-พองหนอ ดีไหม อย่าไปสนใจ ถ้าจะถามอย่างนี้ ก็ตอบว่า ดีทุกอย่าง ความดีหรือไม่ดีอยู่ที่เราจะเอาจริงหรือไม่จริงเท่านั้นเอง นี่ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้



ไปข้างบน