ภาวนาได้ทุกเวลาทุกโอกาส
สำหรับผู้ที่อยู่เป็นฆราวาส ถ้ามุ่งหมายที่จะปฏิบัติธรรมเอาดีกับพระพุทธเจ้า ก็ยึดศีล ๕ เป็นหลักในการปฏิบัติ
การปฏิบัติสมาธิ ฝึกสติ หรือจะบริกรรมภาวนา พิจารณาอะไรก็ได้ อารมณ์ที่เราจะเอามาพิจารณาเป็นอารมณ์ในการปฏิบัติเรื่องชีวิตประจำวัน วิชาความรู้ งานการที่เรารับผิดชอบ จะเป็นอะไรก็ได้ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสภาวธรรม เป็นอารมณ์สิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของสติ
พระพุทธเจ้าปฏิบัติสมาธิ ท่านเอาธรรมชาติของกาย ของจิต เป็นอารมณ์
ธรรมชาติของกายคือลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ท่านกำหนดสติรู้ลมหายใจจนกระทั่งจิตเป็นสมาธิ ถ้าช่วงใดที่จิตอยู่กับลมหายใจ ท่านก็ปล่อยให้มันอยู่ไป ถ้าช่วงใดจิตว่าง พระองค์ปล่อยให้ว่าง ถ้าช่วงใดจิตเกิดความคิด พระองค์ก็ปล่อยให้คิด พระองค์กำหนดสติตามรู้อยู่ที่ ลมหายใจ ความคิดความว่าง ลมหายใจ ความคิด ความว่าง วนเวียนอยู่ใน ๓ จังหวะนี้
ธรรมชาติของจิต ถ้ามีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก เขาจะเพิ่มพลังงานมากขึ้นทุกที แม้แต่ ยืน เดิน นั่ง นอน รับประ ทาน ดื่ม ทำ พูด ก็เป็นการปฏิบัติสมาธิ
เวลาเรานั่งเขียนหนังสือ มีสติรู้อยู่ที่การเขียน
เวลาพูด มีสติรู้อยู่กับการพูด
เวลาคิด มีสติรู้อยู่กับการคิด
เป็นการปฏิบัติกรรมฐานทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น อย่าไปสงสัยข้องใจในอารมณ์ที่พระท่านสอนกัน พุทโธ ดีไหม สัมมาอรหัง ดีไหม ยุบหนอ-พองหนอ ดีไหม อย่าไปสนใจ ถ้าจะถามอย่างนี้ ก็ตอบว่า ดีทุกอย่าง ความดีหรือไม่ดีอยู่ที่เราจะเอาจริงหรือไม่จริงเท่านั้นเอง นี่ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้
|