ปาราชิกข้ออทินนาทาน
พระภิกษุเข้าไปในโรงงานซึ่งเป็นที่เก็บสินค้า พระตั้งใจจะไปขโมยเอาผ้าเหลือง แต่เวลาเอาจริงๆ ไปหยิบถูกกล่องผ้าดำ แล้วก็แบกเดินไป พอไปถึงที่ที่เห็นว่ามันปลอดภัย ก็แกะกล่องออกมาดู มันเป็นผ้าดำ
ท่านก็นึกว่าเราไม่ได้ผ้าที่ต้องการ เราจะเอาวางไว้นี่ เจ้าของเขามาเห็น เขาจะเอาของเขาคืน แล้วก็หนีไป อันนี้เป็นอาบัติ เพียงแค่อาบัติถุลลัจจัย ไม่เป็นอาบัติปาราชิก
สิ่งใดที่เราไม่มีเจตนา สิ่งนั้นไม่เป็นอาบัติ
ทีนี้ถ้าพระเปิดออกมาดูแล้วว่าเป็นอะไร ถ้าแกนึกว่าไหนๆ ก็เอามาแล้ว เป็นอะไรก็ต้องเอาไป พอยกของเคลื่อนที่เท่านั้น ขาดจากความเป็นพระภิกษุ
แล้วอีกลักษณะ พระภิกษุมีเจตนาจะขโมยเทปอันนี้นึกว่าเราจะขโมยจริงละ พอเสร็จแล้วก็หยิบของเคลื่อนที่มา พอของเคลื่อนจากที่ ต้องอาบัติปาราชิก ทีนี้ภายหลังมานึกว่า เอ! ขโมยของนี่มันเป็นบาป เอากลับไปวางไว้ที่เดิม
อาบัติก็ไม่คืนมาบริสุทธิ์อีก เพราะท่านกำหนดหมายเอาตั้งแต่ของเคลื่อนที่
พระภิกษุขโมยรถจักรยานหรือรถยนต์ก็ตาม พอขับขี่ออกไป เคลื่อนที่ เคลื่อนที่ไปพ้นจากที่จอด ล้อหลังพ้นจากที่จอด พระภิกษุขาดจากความเป็นพระภิกษุ
อันนี้เป็นอวหาร* เกี่ยวกับปาราชิก
ทีนี้มีอีกอันหนึ่ง ของหนีภาษี ของหนีภาษีนี่ มันเป็นของที่อยู่ในครอบครองของเรา แต่ว่าของบางอย่างเขาประกาศห้ามไม่ให้เอาผ่านเขต เช่นอย่างเขากำหนดว่าของที่มีอยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมานี่ ห้ามนำออกนอกเขต
ถ้าหากว่าพระภิกษุนำของเหล่านั้นไปเกินจำนวนที่เขาอนุญาตให้เอาผ่านได้ พอพ้นเขตด่านตรวจไปเพียงก้าวเดียว พระต้องอาบัติปาราชิก แต่ของนั้นถ้าอยู่ในครอบครองของเรา อยู่ในบ้านในวัดของเรานี่ เรามีเท่าไรก็ได้ แต่ถ้าสิ่งที่เขาห้ามเอานำออกนอกเขตแล้วก็เป็นอันว่าผิดกฎหมาย
เมื่อผิดกฎหมาย พระก็ผิดวินัย เป็นอาบัติปาราชิก
มีอีกอันหนึ่งที่ควรจะทำความเข้าใจ เช่นอย่างว่าเขาให้จับสลากภัต พระภิกษุจับได้สลากถูกของไม่ดีแต่ก็ขอดูของเพื่อน ของเพื่อนน่ะถูกของดีมีราคา แล้วพระ ภิกษุไปสับเปลี่ยนสลาก อันนี้ก็เป็นอาบัติปาราชิกเหมือนกันตามราคาของวัตถุ ซึ่งกำหนดราคาตั้งแต่ ๕ มาสก
คือ ๑ บาทขึ้นไป
นี่ก็เป็นสิ่งที่ควรระวังเกี่ยวกับเรื่องวินัย
*การลักขโมย
|