ชีวิตต้องสู้ คำดูหมิ่น คือยาชูกำลัง
(คุณแม่พาลูกสาววัยรุ่นอายุ ๒๐ เศษๆ มากราบเรียนปรึกษา ปัญหาทางใจของลูกสาวที่หยุดเรียนหนังสือมา ๒ ปี เพราะมีความเครียดในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆ
และจะทุกข์มากเมื่อถูกเพื่อนว่า หรือมีปฏิกิริยากระทบกระทั่งแม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หลวงพ่อ จึงยกตัวอย่างชีวิตของท่านเองมาเป็นอุทาหรณ์ในการสู้ชีวิต)
ชีวิตเราดำเนินมาตามประสาของเด็กบ้านนอกซึ่งไม่มีใครสนับสนุน กระเสือกกระสนมาด้วยลำแข้งของตัวเอง สมัยเป็นเด็ก กำพร้าอนาถาอยู่กลางบ้าน จะขึ้นบ้านใครเขาก็ปิดประตู บางทีญาติผู้ใหญ่เห็นเราก็ดุ ฟู่ฟ่าๆ ...
...สมัยเด็กๆ เคยเหงาเหมือนกัน แต่ไม่ถึงกับทุกข์ มันไปเหงาตรงที่ว่า พอได้ยินคนข้างบ้านเขาเอิ้น (เรียก) แม่ พ่อ ล่ะเหงาทันที เราไม่มีพ่อแม่เรียกกับเขา
...ความรู้สึกทุกข์ทรมานตามความรู้สึกสามัญสำนึกธรรมดา มันมีอยู่ตั้งแต่เริ่มรู้เดียงสามา คือความรู้สึกน้อยอกน้อยใจว่าเราขาดพ่อขาดแม่ ขาดความอบอุ่น แม้แต่ไปเล่นกับเพื่อนบ้าน บางทีเขาก็โมโหให้ บางทีเขาก็ด่า “ไอ้ลูกไม่มีพ่อแม่สั่งสอน” อะไรทำนองนี้...
เวลามันเกิดท้อถอยมา ก็นึกเอาคำดูถูกดูหมิ่น ของเพื่อนบ้านมากระตุ้นเตือน เราจะมาทำลายตัวเองเพราะ คนอื่นเขาดูถูกดูหมิ่น ได้หรือ เราต้องเหนือกว่าเขา แล้วลงสุดท้ายมันก็มาเป็นอยู่อย่างนี้ มันเหนือกว่าเขาจริงๆ
กระโดดลงจากหลังควายมา มานั่งรถเบนซ์ แล้วไปไหนมาไหนก็มีแต่คนยกมือไหว้ ชื่อเสียงโด่งดัง นอกจากจะ ดังในประเทศแล้ว ยังดังไปต่างประเทศ ทั้งๆ เราไม่ได้ไปต่างประ เทศ เพื่อนฝูงมาชวนไปเผยแพร่ศาสนาต่างประเทศ เพื่อนอีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ต้องไป
หนังสือของท่าน เทปของท่านไปดังก้องโลก ชาวพุทธไปถึงไหนมันดังไปถึงนั่น ไม่ต้องไปให้มันเมื่อย บางคนเขาว่าอย่างนี้
อันนี้คือประวัติย่อๆ ของหลวงตา หลวงตาเอาสิ่งที่เพื่อนฝูง เขาลบหลู่ดูหมิ่นมาเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนใจให้เกิดทะเยอทะยาน สอนตัวเองให้เป็นผู้มักใหญ่ใฝ่สูง
การที่เราจะเอาสิ่งที่เพื่อนฝูงเขาล้อเลียน หรือดูถูกดูหมิ่นมาเป็นเครื่องทำลายตัวเองนี่ หลวงตาว่าไม่ถูกต้อง
เพราะฉะนั้น ยิ่งมีใครมาดูถูกเหยียดหยามเท่าไร มันก็ต้องยิ่งกระตือรือร้น เอาชนะจิตใจเขาให้ได้
พระที่เมืองโคราชนี่ สมเด็จพระธีรญาณฯ วัดจักรวรรดิ์ เป็นเด็กกำพร้ามาเหมือนอย่างหลวงตาเหมือนกัน อาศัยพี่สาวอยู่ พี่เขยก็รังแกข่มเหง พอเสร็จแล้วท่านก็ไปบวชเป็นสามเณร ไปเรียนหนังสือได้เปรียญ ๙ ประโยค เป็นเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส ในที่สุดได้เป็นสมเด็จ
เพราะฉะนั้น เราต้องมีมานะ ต้องพยายามเอาชนะให้ได้ ถ้าหากว่ามีปัญหากระทบกระเทือนแล้วเรามาทอดทิ้งธุระหน้าที่ของตนเองเสีย เพื่อนบ้านมันก็ยิ่งดูถูกเหยียดหยามซ้ำเติมเข้าไปอีก
...อย่าไปสนใจเรื่องของคนอื่น หน้าที่ของเราคือเรียน เรียนให้มันจบ ให้มันได้ดีที่สุด เพื่อนฝูงเขาไม่ได้มาเลี้ยงมาดูเราหรอก อย่าไปปล่อยให้เขาทำลายเรา ถ้ายิ่งมีปัญหามากเท่าไร เรายิ่งต้องต่อสู้ แต่ไม่ใช่ไปเที่ยวเถียงไปด่าเขา ยิ่งมีคนลบหลู่ดูหมิ่นเหยียดหยามเท่าไร เรายิ่งสร้างมานะในตัวให้มันเข้มแข็งขึ้น
อย่างที่หลวงตาเคยทำมาแล้วนี่!
|