การบำเพ็ญศีล ตอน ๗

ภาวนาพุทโธ

จิตใจอยู่ในพุทโธ พุทโธอยู่ในจิต นึกพุทโธทุกลมหายใจเข้าออก คือจิตใจดวงนี้ให้ระมัดระวัง มีสติอยู่ตลอดเวลา จิตตั้งมั่นอยู่ทุกเวลา มีปัญญาเฉลียวฉลาด สามารถแก้ไขสิ่งเฉพาะหน้าได้หมดทุกอย่างทุกประการ จิตใจก็ย่อมอยู่เย็นเป็นสุข ไม่ทุกข์ร้อน วันไหน คืนไหน เวลาใดก็เหมือนอย่างเก่า นี่แหละ ให้ตั้งจิตใจอยู่ภายในดังนี้ ดวงจิตดวงใจที่เศร้าหมองดิ้นรนวุ่นวายก็จะหายไป ความสงบเยือกเย็นก็ย่อมบังเกิดภายในจิตใจของเราทุกคน เพราะว่าใจมีอยู่แล้วไม่ใช่ว่ามาสร้างใจใหม่ จิตใจจริงๆ ของเราทุกคนนั้นมีอยู่ภายในตัวภายในใจ เมื่อเราฟังธรรมได้ยินเสียงก็ใจเป็นผู้ได้ยิน หูนี้มันเป็นแต่รับเสียงเข้าไปให้รู้อยู่ในจิต เป็นผู้รู้อยู่ภายใน เป็นผู้ได้เห็นรูป ได้ฟังเสียง ได้ดมกลิ่น ได้โผฏฐัพพะ ได้ธรรมารมณ์ คือจิตนั่นเองเป็นผู้รับรู้ อย่างอื่นส่วนร่างกายสังขารเป็นธาตุธรรมดา โลกธาตุทั้ง ๔ คือ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ นี่ประชุมกันเข้าแล้วก็เป็นสัตว์ เป็นบุคคลไปอย่างที่เราเห็นอยู่นี้ ดวงจิตดวงใจที่เราน้อมนำมาทำความเพียรละกิเลสอยู่ในจิตใจดวงนี้ ให้พากันชำระแก้ไขจิตใจดวงนี้ให้มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ให้จิตใจมีเล่ห์เหลี่ยมในใจของคนเราท่านว่ากิเลสมีตั้งพันห้า ตัณหามีตั้งร้อยแปด ได้ชื่อว่ามากมายถ้าแส่ส่ายออกไปแล้ว ถ้ารวมมาสรุปมาก็มีกายกับจิต มีรูปกับนาม มีดวงจิตดวงใจ ผู้รู้อยู่ภายในนี้ทุกเวลา เท่านั้น ไม่ต้องไปหาที่ไหน ภาวนาอยู่ในดวงจิตดวงใจ กลางวัน กลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน ทุกอิริยาบถ ก็เกิดความสงบระงับขึ้นมาภายในจิตใจนี้

ถ้าหากว่าคนเรามีแต่ความอยาก อยากได้ อยากเด่น อยากมี แต่ไม่สังวรระวัง ไม่รวมจิตเข้าไปภายในก็เลยไม่ได้อะไร เพราะมีแต่ความอยาก ไม่ลงมือทำ ไม่ภาวนา ไม่รักษาศีล ไม่สดับรับฟังพระธรรม มันก็มีแต่หละหลวมไป ยึดไป ซึ่งลงท้ายก็ว่าเราเป็นคนบุญน้อยวาสนาน้อย ภาวนาไปก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด ผลที่สุดความคิดอันนั้นก็ฆ่าตนเองไปในตัว สิ่งใดที่เราตั้งใจทำแล้วย่อมได้ผล ทำบุญก็ได้บุญ ทำบาปก็ได้บาป แล้วสิ่งที่เราประกอบกระทำนี่เองเป็นผลผลิตขึ้นมาภายในจิตใจนั้น เพราะสิ่งทั้งหลายนั้นมีดวงใจเป็นต้น เป็นประธานอยู่ภายในจิตใจนั่นเอง นี่คือวิธีการนั่งบริกรรมภาวนาทำใจให้สงบ ไม่สงบก็ไม่ตามมันไป เมื่อไม่ตามมันไปมันก็สงบ