การภาวนาตามแบบพุทธะ ตอน 6

ธรรมะเกิดที่จิตของผู้มีความเพียรเพ่งอยู่

เมื่อจิตมีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก ผู้ที่ตั้งใจจดจ่อเพ่งดูอารมณ์จิตอยู่ตลอดเวลาด้วยความมีสติสัมปชัญญะ โดยธรรมชาติของจิต ถ้ามีอารมณ์สิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก สติย่อมเพิ่มพลังงานขึ้นมา เป็นสติพละ เป็น ๑ ในพละ ๕ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา

แม้ว่าการปฏิบัติสมาธิอย่างที่มีปีติมีความสุขยังไม่เกิดขึ้น แต่มีศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใส ในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในคุณธรรมของพระพุทธเจ้า ในคุณธรรมคำสอน โดยทั่วไปก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติได้ผล มีศรัทธา มีความเพียร มีความตั้งใจ มีความมั่นใจ มีสติปัญญารู้รอบคอบอยู่ที่จิต เมื่อแสดงออกมารู้ที่กาย ที่วาจา การทำด้วยความมีสติ การพูดด้วยความมีสติ การคิดด้วยความมีสติ การทำ การพูด การคิดเป็นอารมณ์จิตเป็นสภาวธรรมที่ปรากฏอยู่กับจิต ในเมื่อจิตดวงใดมีสติสัมปชัญญะเพ่งดูอยู่กับสิ่งเหล่านี้ แม้สิ่งนั้นจะเกิดดับอยู่ไม่หยุดหย่อนก็ตาม แต่มีสติรู้อยู่ในขณะจิตนั้นทุกขณะจิต ยะทาหะเวปาตุภะวันติธัมมา อาตาปิโนฌายะโตพราหมะณัสสะ อะถัสสะกังขาวะปะยันติสัพพา ยะโตปะชานาติสะเหตุธัมมัง ในกาลใดแล ธรรมย่อมปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ ในกาลนั้น ย่อมรู้ธรรมะตามความเป็นจริง

ทำไมจึงภาวนา “พุทโธ”

ครูบาอาจารย์ของเราสอนให้ภาวนาพุทโธ ทำไมจึงสอนให้ภาวนาพุทโธ เพราะพุทโธเป็นกิริยาของจิต พุทโธแปลว่า รู้ รู้เป็นกิริยาของจิต ในเมื่อจิตสงบลงไปแล้ว ปล่อยวางคำพูดว่าพุทโธ จิตไปสงบ นิ่ง รู้ ตื่น เบิกบาน นั่น พุทธะเกิดขึ้นในจิตแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านจึงสอนให้ภาวนาพุทโธ ถ้าเราจะเป็นลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์จริงๆ อย่าได้เคลือบแคลงสงสัย หลวงพ่อใหญ่ของเรา คือ ท่านอาจารย์เสาร์ ท่านอาจารย์มั่น สอนให้ภาวนาพุทโธอย่างเดียว แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์ไม่ยอมเชื่อครูบาอาจารย์ กลับไปเชื่อสิ่งเหลวไหล บางทีได้ยินว่า ภาวนาพุทโธ จิตได้แต่สมถะไม่ถึงวิปัสสนา ก็ไปเชื่อคำพูดของคนที่ภาวนาไม่เป็น อ่านต่อ...