หน้าหลัก ชีวประวัติ หนังสือและเทป ฐานิโยธรรม วัดป่าสาลวัน บูรพาจารย์เจดีย์ ลิงค์เวบศาสนา เกี่ยวกับเวบไซต์นี้
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
ท่านพ่อลีมีศักดิ์เป็นปู่

ท่านพ่อลี (หลวงปู่ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม) ท่านมีศักดิ์เป็นปู่ของหลวงพ่อ ท่านเป็นพี่น้องทางฝ่ายพ่อ (ของหลวงพ่อ) ท่านมีชาติกำเนิดที่อุบลฯ เหมือนกัน
ท่านใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า "ปู่" กับหลวงพ่อ ถ้าพบหลวงพ่อทีไรท่านจะไม่พูดพร่ำทำเพลงกับหลวงพ่อ พอเจอหน้ากันปั๊บสั่งแล้ว "นั่งสมาธิ" ท่านจะคุยอยู่กับใครก็ตาม ท่านจะชี้หน้าหลวงพ่อ "อ้าว! นั่งสมาธิ" พอนั่งไปสักพักหนึ่งท่านก็บอกว่า "เป็นไง นั่งสมาธิ" "ก็นั่งสมาธิ ก็ได้สมาธิ" ท่านไม่เคยอธิบายอะไรกว้างขวางพิสดาร แต่ท่านจะว่าให้ปฏิบัติธรรมให้ต่อเนื่อง อย่าไปทำ ๆ หยุด ๆ แต่ละครั้งที่เรานั่งสมาธิ จิตจะสงบหรือไม่สงบอย่าไปท้อถอย ถ้าเวลาจะสงบมันจะสงบเอง ความสงบมันเป็นผลงานเราแต่งเอาไม่ได้


สร้างทำไมนักหนาถาวรวัตถุ

การสร้างถาวรวัตถุใหญ่ ๆ สร้างเจดีย์ สร้างวิหารใหญ่ ๆ ถ้าจะพูดตามหลักพระพุทธศาสนามันก็ไม่ขัด แต่มันขัดกับกาลสมัย อันนี้หลวงพ่อเคยพูดอยู่เสมอ ๆ ว่า คนที่คิดสร้างอะไรใหญ่ ๆ โต ๆ ขึ้นมานี่ คล้าย ๆ กับว่ามีเจตนาที่จะลบล้างของเก่าที่มีอยู่ คือเหมือน ๆ กับว่าจะทำลายของเก่าให้มันสูญพันธุ์ไปเลยแล้วจะสร้างของใหม่ขึ้นมาทับถมแทน
ในเมืองไทยเราในปัจจุบันนี้ เรามีครบอยู่ทุกภาคแล้ว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มีพระธาตุพนม ภาคเหนือก็มีพระธาตุดอยสุเทพ ภาคกลางก็มีพระปฐมเจดีย์นครปฐม ภาคใต้ก็มีพระศรีมหาธาตุ นครศรีธรรมราช ของเราก็มีสิ่งที่เป็นอนุสาวรีย์ที่รำลึกถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักของพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว
หลวงพ่อจะไม่ตำหนิว่าท่านดำริผิด หรือดำริถูกเพียงแต่ออกความคิดเห็นว่า การที่จะคิดทำเช่นนั้นมันไม่เหมาะกับกาลสมัย เพราะเราจะต้องทำความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ยิ่งในสมัยปัจจุบันนี้ประชาชนพากันอดอยากยากแค้นอยู่แล้ว ก็ยิ่งจะไปรบกวนประชาชนมากขึ้น ก็ยิ่งจะไปกันใหญ่


โยมขอให้สึก

อาหลวงพ่อนี่ยังเป็นห่วงเลย ตอนที่เป็นพระยังหนุ่ม ๆ อยู่ เมื่อสึกมานี่จะทำอย่างไร จะมีอะไร อย่างไร เป็นห่วง "อย่ามาเป็นห่วงเลย คน ๆ นี้เป็นอะไรชั่วชีวิตหนึ่ง เป็นอะไรนี่ เป็นเพียงครั้งเดียวจะไม่ยอมเป็นซ้ำอีกถึงครั้งที่สอง"
โยมบวชก็อาราธนาให้สึก โยมอุปัฏฐากป๋าไมเคิลที่อุบลฯ ก็นิมนต์ให้สึก โยมบวช (ดร.ประจวบ บุนนาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) ก็ไม่มีลูก โยมอุปัฏฐากป๋าไมเคิลก็ไม่มีลูก ทีนี้โยมบวชนี่ท่านเป็นรัฐมนตรี เมื่อก่อนนี้เข้ารับราชการนี่จะจับยัด จับใครยัดเข้าที่ตรงไหนก็ได้ไม่ต้องสอบแข่งขัน ท่านบอกว่าสึกซะ โยมกำลังมีบุญบารมี มาทำราชการสตาร์ททีแรกได้เดือนละ ๓๐ บาท สมัยนั้น ๓๐ บาทนี่สูงนะเงินเดือนสมัยนั้น แล้วก็มาเรียนวิชาใดพิเศษประกอบเข้าไปมันจะก้าวหน้าไปเอง ตอนนั้นหลวงพ่ออายุ ๒๒ ปี ๒๒ นี่เขาเรียนมหาวิทยาลัยยังไม่จบหรอก ก็เลยบอกท่านว่า อาตมาตั้งใจแล้วว่าจะบวชไม่สึก
คุณยายทองมีเป็นโยมอุปัฏฐาก ทีนี้พ่อตาของหมอไมเคิลนี่เป็นน้องชายของคุณยายทองมี ทีนี้พวกตระกูลนี้เลยมานับถือหลวงพ่อเป็นลูกเป็นหลานหมดทั้งตระกูล
ท่านขอให้หลวงพ่อสึกไปเป็นลูก..จะยกร้านขายยาให้ มีลูกเลี้ยงของท่านคนหนึ่งอยู่อำเภอพิบูล ฯ ไปเจอกันมันยังพูดอยู่เลย มันว่า..พระองค์นี้เก่ง จับไม่อยู่เลย ..แกชื่อสำเนียง
หลวงพ่อไม่เคยคิดว่าจะมีใครรักเรา เกิดมาในชีวิตนี้หลวงพ่อยึดหลักอะไรที่จะไม่ให้ใจฝักใฝ่จะสึกมาครองเรือนเป็นฆราวาส เพราะว่าหลวงพ่อมันเห็นทุกข์ตั้งแต่รู้เดียงสามา อยู่ ๆ จิตมันฉุกคิดขึ้นมาว่าขึ้นชื่อว่าทายาททุกข์ฉันจะไม่ให้มันมีแล้วในชีวิตนี้ เราเกิดมาอายุ ๕ ขวบ พ่อแม่ก็ตายจาก ยังดีนะพ่อเราแม่เรายังมีพี่น้อง ยังเก็บมาเลี้ยง เรานี่ตัวคนเดียวถ้าสมมุติว่าไปมีไว้ พ่อมันก็ตายแม่มันก็ตาย ใครจะรับเลี้ยงลูกเราสงสารกุลบุตรที่มันจะเกิดมาทีหลัง
สิ่งรบกวนที่ร้ายแรงที่สุดในสมัยที่เป็นพระหนุ่ม พอนั่งปั๊บลงไป นึกถึงหน้าสาว ๆ แล้ว เอาแล้วได้เรื่องแน่ ตัวนี้น่ะตัวร้ายที่สุด กิเลสของคน แต่ทีนี้จะดีก็อยู่ที่ตรงนี้ จะชั่วก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ พระจะเอาตัวรอดได้หรือหนีไม่ได้ก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ เพราะฉะนั้นถ้ากิเลสตัวนี้ไม่มีอำนาจเหนือจิตเหนือใจแล้ว พระคงบวชไม่สึกกันสักองค์


กลับหน้าหลัก